ทัวร์สังเวชนียสถาน อชันต้า แอลโรร่า ถ้ำมรดกโลก
ทัวร์สังเวชนียสถาน อชันต้า แอลโรร่า ถ้ำมรดกโลก

ทัวร์สังเวชนียสถาน อชันต้า แอลโรร่า ถ้ำมรดกโลก

ทัวร์สังเวชนียสถาน อชันต้า แอลโรร่า ถ้ำมรดกโลก ทัวร์สังเวชนียสถาน อชันต้า แอลโรร่า ถ้ำมรดกโลก ทัวร์สังเวชนียสถาน อชันต้า แอลโรร่า ถ้ำมรดกโลก ทัวร์สังเวชนียสถาน อชันต้า แอลโรร่า ถ้ำมรดกโลก ทัวร์สังเวชนียสถาน อชันต้า แอลโรร่า ถ้ำมรดกโลก 12คืน บินภายใน 2 รอบ
รวมตั๋วเครื่องบิน ตั๋วเครื่องบิน
มีหัวหน้าทัวร์ไทย หัวหน้าทัวร์ไทย
ประกันอุบัติเหตุการเดืนทาง ประกันอุบัติเหตุเดินทาง

Air India
14วัน | 12คืน
แสดงราคา /วันเดินทาง

ทริปอิ่มบุญ อิ่มใจ อิ่มเอม สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ทัวร์สังเวชนียสถาน ทัวร์อชันต้า ถ้ำมรดกโลก

ทริปอิ่มบุญ อิ่มใจ อิ่มเอม
สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ลุมพินี สถานที่ซึ่งพระตถาคตประสูติ / พุทธคยา สถานที่ซึ่งพระตถาคตตรัสรู้ พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ / สารนาถ สถานที่ซึ่งพระตถาคต ทรงแสดงปฐมเทศนา / กุสินารา สถานที่ซึ่งพระตถาคต เสด็จปรินิพพาน ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ

สัมผัสความมหัศจรรย์ มรดกโลก ถ้ำอจันต้า แอลโลร่า ท่องแดนศาสนสถาน ดินแดนแห่งศรัทธา ประติมากรรมจากภูผาหิน พร้อมชมความยิ่งใหญ่ของ "มุมไบ" เมืองท่าแห่งอินเดียฝั่งตะวันตก

 

อ้างอิงราคา สำหรับวันที่ 06/06/23 1:08 pm เท่านั้น บริษัทฯ ขอสงวนสิทธ์ปรับเปลี่ยนวันเดินทาง และราคา โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า

โปรแกรมการเดินทาง ทัวร์สังเวชนียสถาน อชันต้า แอลโรร่า ถ้ำมรดกโลก

วันแรก กรุงเทพฯ - เดลลี – ลัคเนาว์  

09.30 พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 บริเวณทางเข้า 9 ROW W ด้านหน้าเคาน์เตอร์ของสายการบินแอร์อินเดีย พบกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับ

13.35  ออกเดินทางจากกรุงเทพฯสู่เมืองหลวงเดลลี ประเทศอินเดีย โดยเที่ยวบินที่ AI333

15.20  เดินทางถึงสนามบินเดลลี ประเทศอินเดีย นำท่านต่อเที่ยวบินเข้าสู่เมืองลัคเนาว์ 

18.30 ออกเดินทางสู่เมืองลัคเนาว์ โดยเที่ยวบิน AI811 

19.35 ถึงสนามบินลัคเนาว์  หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว 

นำท่านเข้าสู่ที่พักในเมืองลัคเนาว์.........................................ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

รับประทานอาหารค่ำภายในโรงแรม 

วันที่สอง ลัคเนาว์ – สาวัตถี   ประมาณ 4 ชม.

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมฯ 

เมืองลัคเนาว์  ลัคเนาว์ตั้งอยู่ในรัฐอุตตรประเทศ ทางตอนเหนือ เมืองใหญ่และมีประชากรหนาแน่นมากที่สุดแห่งหนึ่ง เป็นศูนย์กลางทางการปกครอง ศาสนา วัฒนธรรม การคมนาคม และเศรษฐกิจของภูมิภาค มีประวัติศาสตร์การก่อตั้งมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 14 และมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามจนกลายเป็นจุดเริ่มต้นหนึ่งของการท่องเที่ยว

ชมบารา อิมามบารา ถูกสร้างในปี 1784 โดยคำสั่งของท่านอาซาป อุด เดาลา นาวาบองค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์ลัคเนาว์ เพื่อสร้างงานให้กับประชาชนในพื้นที่ ทำให้ตลอดระยะเวลาการสร้างมีการทำลายพื้นที่ส่วนที่สร้างเสร็จไปแล้วในตอนกลางคืน เพื่อยืดเวลาก่อสร้างออกไปจนยาวนานกว่าทศวรรษ 

ชม“รูมิ ดะร์วาซา” หรือ “ประตูเตอร์กิช” (Turkish Gate) สัญลักษณ์ของเมืองลัคเนาว์ สถาปัตยกรรมประตูเมืองที่ถูกสร้างด้วยคำสั่งของนาวาบองค์เดียวกัน สูง 60 ฟุต ซึ่งสร้างจำลองตามประตูซับไลม์ (Sublime Porte) ในอิสตันบูล ชม“โชตา อิมามบารา”  สถาปัตยกรรมระลึกถึงตามประเพณีของมุสลิมชีอะห์ของ “มูฮัมหมัด อาลี ชาห์” นาวาบผู้ปกครององค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์ลัคเนาที่ทอดร่างฝังเคียงข้างพระมารดาใต้สิ่งก่อสร้างสีขาวประดับลวดลายคอลลิกราฟี่สีดำ ซึ่งเป็นสถานที่เก็บสะสมโคมคอลเล็กชั่นใหญ่จากพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก

พิพิธภัณฑ์รัฐเป็นอาคารสี่ชั้นที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2406 เป็นพิพิธภัณฑ์อเนกประสงค์ที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในรัฐอุตตรประเทศ สะสมของโบราณวัตถุมากมายจากสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงเติบโตขึ้นมาโดยเฉพาะ ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์มีเครื่องสำริด ประติมากรรม ภาพวาด เป็นต้น ผลงานประติมากรรมชิ้นเอกที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 3 ศูนย์กลางของความน่าดึงดูดใจของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือมัมมี่อียิปต์และโลงศพไม้ พิพิธภัณฑ์จัดแสดงโบราณวัตถุหลายร้อยชิ้น เช่น เกี่ยวกับเหรียญ ภาพวาด ศิลปะและโบราณคดี ต้นฉบับ และมานุษยวิทยา การออกแบบและการก่อสร้างของพิพิธภัณฑ์ช่วยให้ผู้เยี่ยมชมได้เห็นภาพการต่อสู้เพื่อเสรีภาพในปี 1857

นำท่านถ่ายรูปสถาปัตยกรรมขนาดยักษ์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้แก่ “ภีมราว รามชี อามเพฑกร” หรือ “ดร.เอ็มเบดการ์” หนึ่งในห้าวีรบุรุษผู้ปลดแอกชนชั้นและวรรณะให้แก่ชาวอินเดีย รวมถึงมีส่วนในการร่างรัฐธรรมนูญของอินเดียหลังได้รับเอกราชจากอังกฤษ แม้ว่าตัวท่านเองเกิดในวรรณะจัณฑาลและไม่ได้รับสิทธิในการศึกษาเท่าเทียมกับวรรณะอื่น ๆ ของสังคม ผ่านชมย่าน “ฮาซรัตกันจ์” (Hazratganj) แหล่งรวมผ้าปักสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องประดับ เครื่องสำอาง เสื้อผ้าแฟชั่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงงานศิลปะบนร่างกายอย่างเฮนน่า (Henna) 

บ่าย รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม

เดินทางสู่เมืองสาวัตถี ประมาณ 4 ชั่วโมง เมืองสาวัตถี ซึ่งในสมัยพุทธกาลนั้น เมืองสาวัตถีเป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นโกศล และมีความสำคัญกับศาสนาพุทธอยู่มากมายเช่นกัน เนื่องจากเป็นสถานที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจำพรรษาอยู่ถึง24พรรษาและเป็นเมืองที่พระองค์ทรงแสดงธรรมเทศนาและแสดงธรรมแก่ภิกษุและพุทธบริษัท ให้บรรลุอมตธรรมเป็นจำนวนมาก

ค่ำ ถึงเมืองสาวัถตี นำท่านเข้าโรงแรมที่พัก................................ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารค่ำภายในโรงแรมฯ

วันที่สาม สาวัตถี - ลุมพินี    ประมาณ 4 ชม.

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมพร้อมเช็คเอ้าท์

ชม “วัดเชตวันมหาวิหาร” ซึ่งเคยเป็นที่ประทับสำคัญและนานที่สุดแห่งหนึ่งของพระพุทธเจ้า (19 พรรษา) ตั้งอยู่นอกกรุงสาวัตถีใกล้ประตูเมืองทางทิศใต้ นำท่านสวดมนต์ที่ พระคันธกุฏิ ของพระพุทธเจ้า ชมบ้านท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีมหาอุบาสก ผู้สร้างวัดพระเชตะวันมหาวิหารถวายแต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และองคุลีมาลสถูป สันนิษฐานว่าเคยเป็นบ้านของท่านอสิงสกะ (พระองคุลีมาล) ชมสถานที่พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบ ซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้าวัดเชตะวันมหาวิหารและอานันทโพธิ์ ต้นโพธิ์ที่ปลูกโดยพระอานนท์ในสมัยพุทธกาล ต้นโพธิ์ต้นนี้ปรากฏหลักฐานจารึกของหลวงจีนฟาเหียนและพระถังซัมจั๋ง 

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม

เดินทางสู่เมืองลุมพินี ประมาณ 4 ชม. สังเวชนียสถานแห่งเดียวที่ไม่อยู่ในประเทศอินเดีย ก่อนที่สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จมาประสูติ พระองค์ท่านเป็นพระบรมโพธิสัตว์เจ้า ยังมิดได้รับอาราธนาของทวงเทพทั้งหลายทรงพิจารณาดู “ปัญจมหาวิโลกนะ” คือการตรวจดูอันยิ่งใหญ่ 5 อย่างก่อนที่จะตัดสินพระทัยประทานปฏิญาณ รับอาราธนาของเทพยดาทั้งหลายว่าจะจุติจากดุสิตเทวโลกไปบังเกิดในพระชาติสุดท้ายที่จะตรัสรู้  ถึงเมืองลุมพินี ประเทศเนปาล

ค่ำ นำท่านเข้าสู่ที่พัก...........................................ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารค่ำภายในโรงแรมฯ 

วันที่สี่ ลุมพินี – กุสินารา    ประมาณ 4.30- 5 ชม.

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมพร้อมเช็คเอ้าท์

นำท่านกราบนมัสการ สวนลุมพีนีวัน สถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบถาวรวัตถุศักดิ์สิทธิ์บริเวณลุมพินี  ชมวิหารมายาเทวี สร้างขี้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่พระนางสิริมหามายา ชมภาพหินแกะสลักพระนางสิริ มหามายาประสูติพระกุมาร พระพุทธรูปปางประสูติ และรอยพระพุทธบาทน้อย ที่สันนิษฐานว่า พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงสลักไว้เป็นสัญลักษณ์ของสถานที่ประสูติอายุกว่า 2,300 ปี ชมสระโบกขรณี ที่สรงน้ำพระนางสิริมหามายาและพระกุมาร ชมเสาหินพระเจ้าอโศกที่มีขนาดความสูง 22 ฟุต 4 นิ้ว และมีข้อความอย่างสมบูรณ์เขียนด้วยภาษาพราหมณ์ว่าเป็นสถานที่ประสูติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระเจ้าอโศกเสด็จมาบูชาในปีที่ 20 แห่งรัชสมัยของพระองค์ (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 13) 

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม

เดินทางสู่มืองกุสินารา เดิมในสมัยพุทธกาลเมืองกุสินารานั้นเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นมัลละ ซึ่งสถานที่ตั้งขอสาลวโนทยานหรือป่าไม้สาละที่มีความสำคัญเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานและเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงของพระพุทธองค์

ค่ำ นำท่านเข้าสู่ที่พัก...........................................ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารค่ำภายในโรงแรมฯ 

วันที่ห้า กุสินารา -  สารนาถ  ประมาณ 5-6 ชม.

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมพร้อมเช็คเอ้าท์

นำคณะเดินทางสู่ สาลวโนทยาน สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน สักการะ พระพุทธรูปปางอนุฏฐิตไสยาสน์ ซึ่งประดิษฐานอยู่ในมหาปรินิพพานวิหาร ชมสถานที่พระอานนท์ เกาะสลักเพชรร้องไห้    ชมซากปรักหักพังของกุฎิ เจดีย์ ชมต้นสาละอันเป็นต้นไม้ที่พระพุทธองค์ได้เสด็จดับขันธ์เสร็จ

จากนั้น นำคณะกราบนมัสการ มกุฎพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระสรีระของพระพุทธเจ้า ปัจจุบันเป็นซากเจดีย์ทรงกลมขนาดใหญ่ สร้างขึ้นมาหลังการถวายพระเพลิงชาวบ้านเรียกว่า รามภาร์ (Ramabhar) 

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม

เดินทางสู่เมืองสารนาท สถานที่ตั้งป่าอิสิปตนมฤคทายวันเพื่อโปรดเหล่าปัจวัคคีย์ ก็คือ ธัมมจักกัปปวัตนสูตร เป็นปฐมเทศนา เทศนากัณฑ์แรก ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์ เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสธัมมจักกัปปวัตนสูตรนี้อยู่ ดวงตาเห็นธรรม ปราศจากธุลีปราศจากมลทิน ก็ได้เกิดขึ้นแก่ท่านพระโกณฑัญญะ นับเป็นพระสงฆ์สาวกองค์แรกในพระพุทธศาสนา วันนั้นเป็นวันเพ็ญกลางเดือนอาสาฬหะหรือเดือน 8 เป็นวันที่พระรัตนตรัยครบบริบูรณ์ บังเกิดขึ้นในโลกเป็นครั้งแรก คือมี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ครบบริบูรณ์

ค่ำ นำท่านเข้าสู่ที่พัก...........................................ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารค่ำภายในโรงแรมฯ 

วันที่หก สารนาถ - พาราณสี  ประมาณ 45 นาที 

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมพร้อมเช็คเอ้าท์ 

นำท่านสักการะธัมเมกขสถูป สถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาแก่พระปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 คือ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ เมื่อจบปฐมเทศนา โกณฑัญญะ หนึ่งในปัญจวัคคีย์ ได้บรรลุโสดาบันจึงขออุปสมบทเป็นพระ และกลายเป็นพระสงฆ์รูปแรกของโลก  นั่นทำให้สารนาถ กลายเป็นจุดกำเนิดของพระพุทธศาสนาอย่างเป็นทางการ เพราะมีพระรัตนตรัยครบองค์สามบริบูรณ์  ในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ก่อน พุทธศักราช 45 ปี อันเป็นวันอาสาฬหบูชา

ชมเจาขัณฑีสถูป พระสถูปเก่าแก่ในพระพุทธศาสนา สร้างขึ้น ณ สถานที่ซึ่งพระพุทธองค์ทรงพบกับปัญจวัคคีย์ครั้งแรกภายหลังการตรัสรู้ โดย ณ สถานที่แห่งนี้เมื่อพระพุทธองค์ทรงเสด็จมาถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวันแล้ว เดิมทีพระสถูปแห่งนี้มีความสูงประมาณ 300 ฟุต แต่ผุพังไปตามกาลเวลา เหลือเพียง 70 ฟุต โดยลักษณะของส่วนบนต่างไปจากพุทธศิลป์แบบเดิมมาก ด้วยว่าพระบิดาของพระเจ้าอักบาร์มหาราช กษัตริย์มุสลิมราชวงศ์โมกุล พระนามว่า หุมายุน ได้เสด็จลี้ภัยทางการเมือง และมาหลบซ่อนข้าศึกที่สถูปแห่งนี้ เมื่อพ้นจากข้าศึกแล้ว พระเจ้าอักบาร์มหาราช ทรงสำนึกบุญคุณของพระสถูปที่ทำให้พระบิดามาหลบซ่อน และรอดพ้นจากข้าศึกได้ จึงทรงให้มีการก่อสร้าง ต่อเติมพระสถูปขึ้นไปอีก แต่เพราะพระองค์เป็นมุสลิม ทำให้ศิลปะของพระสถูป ที่ถูกต่อเติมนี้ ออกมาในแนวศิลปแบบมุสลิม และเพราะเป็นที่ระลึกต่อพระบิดาของพระเจ้าอักบาร์มหาราช พระสถูปนี้จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า สถูปหุมายุน

ชมพิพิธภัณฑ์สารนาท ชม พระพุทธปฏิมาปางปฐมเทศนา ที่สมบูรณ์ที่สุดในโลกและสวยชนะรางวัลการประกวดขององค์การ UNESCO นับว่าเป็นพระพุทธรูปที่สวยงามที่สุดในโลกองค์หนึ่ง และเสาหินพระเจ้าอโศกที่ยังคงสภาพสมบูรณ์มาก ชมวัดไทยสารนาท สักการะ"พระพุทธรูปยืนปางประทานพร" องค์ใหญ่ ด้านหน้า กลางลานกว้างเป็นที่ตั้งที่สง่างามมาก จำลองแบบจากพุทธศิลป์สมัยคุปตะ 

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน  ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม

เดินทางสู่เมืองพาราณสี (Varanasi) หรือเดิมรู้จักกันในชื่อ เบนาเรส (Benares) หรือ บานาราส (Banaras) ตั้งอยู่ในรัฐอุตตรประเทศ ทางภาคกลางตอนเหนือของอินเดีย อยู่ทางฝั่งซ้ายหรือฝั่งตะวันตกของแม่น้ำคงคา เป็นเมืองที่เป็นทั้งชุมทางรถไฟและศูนย์กลางการค้าและถือกันว่าเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดเมืองหนึ่งของอินเดียตามความเชื่อทั้งในศาสนาฮินดู พุทธ และเชน ทั้งยังเป็นหนึ่งในเมืองเก่าแก่ที่สุดในอินเดียที่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่อง ชาวฮินดูเรียกเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ว่า กาสี (Kasi)

เย็น นำท่านเดินทางสู่ท่าเรืออัศวเมศ เพื่อ ล่องเรือชมแม่น้ำคงคา แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดูซึ่งเชื่อว่าแม่น้ำนี้ไหลมาจาก ภูเขาไกรลาสบนสรวงสวรรค์ ชม พิธีบูชาพระอาทิตย์ และการอาบน้ำล้างบาป และการเผาศพที่ท่ามณีกรรณิการ์ ริมฝั่งแม่น้ำคงคา ที่ 4,000 กว่าปี ไฟที่ไม่เคยดับมอดลงเลย

ค่ำ นำท่านเข้าสู่ที่พัก...........................................ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารค่ำภายในโรงแรมฯ

วันที่เจ็ด พาราณสี – พุทธคยา   ประมาณ 5-6 ชม. 

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมพร้อมเช็คเอ้าท์ 

ออกเดินทางสู่เมืองคยา เมืองหลวงของแค้วนกาสี เมืองทอดยาวตามชายฝั่งแม่น้ำเนรัญชราที่มีความสำคัญทางศาสนาพุทธและศาสนาฮินดู

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน  ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม

ถึงเมืองพุทธคยา นำท่านเข้ากราบสักการะปริมณฑลต้นพระศรีมหาโพธิ์พุทธคยา และ พระมหาเจดีย์พุทธคยาอันสูงตระหง่านเป็นสักขีพยาน ณ สถานที่ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณของพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบสักการะหลวงพ่อพระพุทธเมตตา พระพุทธปฏิมากรปางชนะมารอายุ 1,400 ปีเศษ ที่รอดพ้นจากการถูกทำลายจากน้ำมือกษัตริย์ฮินดูอย่างปาฏิหาริย์ ประดิษฐานภายในมหาเจดีย์พุทธคยา ด้วยพระพักตร์ที่แสดงออกด้วยเมตตากรุณาอั้นเปี่ยมล้นชาวพุทธทั่วโลกจึงต่างพากันเบียดเสียดเพื่อเข้าไปกราบไหว้บูชา

นำท่านสักการะแทบบาทพระศาสดา ถวายเป็นพุทธบูชา ณ โพธิ์บัลลังค์ พระแท่นวัชรอาสน์ ภายใต้ร่มพระศรีมหาโพธิ์อันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในดินแดนถิ่นพุทธภูมิ  สักการะพระพุทธรูปองค์ไดบุสึ วัดญี่ปุ่น ที่จำลองสร้างด้วยหินทรายแดงสูง

ค่ำ นำท่านเข้าสู่ที่พัก...........................................ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารค่ำภายในโรงแรมฯ

วันที่แปด พุทธคยา - ราชคฤห์ – นาลันทา – ปัตนะ    ประมาณ 5-6 ชม. 

เช้าตรู่ รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมฯ พร้อมเช็คเอ้าท์ 

ชมแม่น้ำเนรัญชรา สถานที่พระพุทธองค์ทรงอธิษฐานลอยถาด หลังจากรับถวายข้าวมธุปายาสจากนางสุชาดา ชม สุชาดาสถูป ที่สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช บริเวณสถานที่ซึ่งเคยเป็นบ้านนางสุชาดา แวะเข้าห้องและทานกาแฟ ที่วัดไทยธัมมิกราช 

เดินทางต่อสู่ นครราชคฤห์  มหานครของแคว้นมคธเป็นแหล่งรุ่งเรืองด้วยอำนาจและการค้าขายเป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยกำแพงธรรมชาติ คือเบญจคีรีนคร หรือภูเขา 5 ลูกได้แก่ เวภาระ เวปุละ คิชฌกูฏ อิสิคิลิ และปัณฑวะ ในสมัยพุทธกาล พระราชาผู้ครองนครนี้คือ พระเจ้าพิมพิสาร นำท่านขึ้นเขาคิชกูฏ ชมถ้ำสุกรชาตาตั้งอยู่บนยอดเขาคิชฌกูฏเป็นสถานที่ซึ่งพุทธองค์ทรงแสดงธรรมโปรดแก่ทีฆนขปริพาชก ผู้เป็นหลานของพระสารีบุตร ชมมูลคันธกุฎีตั้งอยู่บนยอดเขาคิชฌกูฏเป็นที่ประทับโปรดพระเจ้าพิมพิสารพร้อมประชาชนชาวเมืองราชคฤห์ และเป็นสถานที่ที่ทรงแสดงอาฏานาฏิยสูตร หลังจากไหว้พระสวดมนต์บนยอดเขา และลงมาด้านล่าง

ชมวัดเวฬุวันวิหารเป็นวัดที่พระเจ้าพิมพิสารได้ทรงถวายสวนเวฬุวันให้เป็นพระอารามหลวงแห่งแรกในพระพุทธศาสนา พุทธองค์ทรงประทับจำพรรษา ณ ที่แห่งนี้รวมแล้ว 6 พรรษา เป็นที่ทรงตั้งอัครสาวกคือพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตร และเป็นสถานที่ที่พระอรหันต์ 1,250 รูปมาชุมนุมกันโดยมิได้นัดหมาย

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน  ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม 

บ่าย    เดินทางสู่มหาวิทยาลัยนาลันทา   มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปีพ.ศ.1742 เกิดการทำลายวัดและปูชนียสถานในพุทธศาสนาแทบทั้งหมดและสังหารผู้ที่ไม่ยอมเปลี่ยนศาสนา ที่มหาวิทยาลัยนาลันทาถูกเผาพลาญแต่ไฟที่ลุกไหม้ต้องใช้เวลานานกว่า3เดือนถึงจะเผาได้หมด

จากนั้น นมัสการหลวงพ่อองค์ดำ พระพุทธรูปที่สร้างด้วยหินแกรนิตสีดำ เดินทางสู่เมืองปัตนะ เมืองปัฎนา อดีตชื่อเรียก เช่น ปัตนะ ปาฏลีบุตร มคธ ปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของแคว้นพิหาร ในอดีตเมืองนี้เคยเป็นสถานที่ทำสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่สาม ณ อโศการาม และยังเป็นสถานที่ที่เผยแพร่พระพุทธศาสนาไปทั่วอินเดียในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช

ค่ำ นำท่านเข้าสู่ที่พัก.........................ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
รับประทานอาหารค่ำภายในโรงแรมฯ

วันที่เก้า ปัตนะ – เวสาลี – ปัตนะ - เดลลี      ประมาณ 1-2 ชม. 

เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมพร้อมเช็คเอ้าท์ 

เดินทางสู่เมืองเวสาลี อดีตเมืองหลวงในสมัยพุทธกาล มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่ง และเป็นเมืองที่มั่นคงในพระพุทธศาสนา ในช่วงหลังพุทธกาล เมืองนี้ได้ตกเป็นของแคว้นมคธภายใต้การนำของพระเจ้าอชาตศัตรูพระราชาแห่งเมืองราชคฤห์ หลังการล่มสลายของราชวงศ์พระเจ้าพิมพิสารในราชคฤห์ได้ย้ายเมืองหลวงมาที่เวสาลี ทำให้เมืองนี้เจริญถึงขีดสุด นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่ใช้ในการทำทุติยสังคายนาพระพุทธศาสนา ก่อนที่จะถูกทิ้งร้าง ย้ายไปเมืองปาฏลีบุตรหรือปัฏนา ชมกุฎคารศาลา วัดป่ามหาวัน ลักษณะทรงบาตรคว่ำ ซึ่งกษัตริย์ลิจฉวีทรวงสร้างถวายสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธองค์ทรงประทับจำพรรษา ณ สถานที่แห่งนี้ในพรรษาที่ 5 ชมเสาอโศกรูปสิงห์ที่มีความสมบูรณ์ที่สดุ ในลักษณะนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกที่มีความสมบูรณ์ที่สุด 

ชมปาวาลเจดีย์ สถานที่พระยามารได้เข้ามากราบทูลขอให้พระองค์เสด็จปรินิพพาน เป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงปลงอายุสังขาร พุทธวาจาในวันปลงอายุสังขาร “สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมเป็นธรรมดา ขอท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด ชนเหล่าใดทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ทั้งพาล ทั้งบัณฑิต ทั้งมั่งมี ทั้งขัดสน ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า”

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน  ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม

**เดินทางกลับสู่เมืองปัตนะ ชมพิพิธภัณฑ์เมืองปัตนะที่มีของโบราณอายุกว่า3000ปี 

อิสระเที่ยวชมเมืองปัตนะ และช้อปปิ้งภายในเมืองปัตนะ

ค่ำ  รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเข้าสู่ที่พัก.........................ในโรงแรม4* ใกล้สนามบินปัตนะ

วันที่สิบ ปัตนะ - มุมไบ - ออรังกาบัด

06.00 รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมพร้อมเช็คเอ้าท์ 

09.15 ออกเดินทางโดยการบินไทย เที่ยวบิน AI732 

12.05   ถึงท่าอากาศยานนานาชาติฉัตรปตี ศิวาจี มหาราช นครมุมไบ ประเทศอินเดีย                 

           อาหารกลางวัน อิสระภายในสนามบินมุมไบ  

15.25   ออกเดินทางสู่เมืองออรังกาบัดโดยเที่ยวบิน AI442

16.35   ถึงสนามบินออรังกาบัด รัฐมหาราษฏระ

นำท่านรับกระเป๋า และเช็คอินท์เข้าสู่ที่พักโรงแรม
โรงแรม.................................... ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

รับประทานอาหารค่ำภายในโรงแรม

วันที่สิบเอ็ด ออรังกาบัด - ถ้ำอะชันต้า – ออรังกาบัด

07.00 รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมฯ

06.30    ออกเดินทางเพื่อชม ถ้ำอะชันต้า ระยะทาง 105  กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงเหนือ นั่งรถประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง (มรดกโลก) หมู่ถ้ำอชันต้า ซึ่งที่จริงก็คือวัดในพุทธศาสนา ที่เจาะและแกะสลักเข้าไปในภูเขาอยู่เรียงกันเป็นหมู่รวม  30 ถ้ำ เป็นถ้ำยุคแรก เก่าแก่มาก มีกำเนิดเริ่มแต่ก่อนคริสต์ศักราช ประมาณ 200 หรือ 150 ปี คือราวพ.ศ. 350 หรือ 400 และคาดว่าสร้างมาถึงปี พ.ศ. 1200 และถูกทอดทิ้งกลายเป็นป่ารกชัฏประมาณ 700- 800ปี จนมาถูกค้นพบอีกครั้งโดยบังเอิญในปี พ.ศ.2362 (ค.ศ.1819 ) โดยทหารอังกฤษที่มาล่าสัตว์ ซึ่งเท่ากับ ได้ค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ของโลก หมู่ถ้ำอชันต้าเป็นถ้ำพุทธศาสนาล้วนๆ แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นสาย หีนยาน หรือ เถรวาท  พุทธศาสนาที่ไปสู่เมืองไทย มีอยู่ 6 ถ้ำคือ ถ้ำที่ 8,9,10,12,13 และ 15 ซึ่งเป็นหมู่ถ้ำที่เก่าแก่ที่สุด  ประมาณ พ.ศ.400-600 ส่วนที่เหลือจากนั้น อีก 24 ถ้ำเป็นสาย มหายาน หลายถ้ำก็เป็นแบบผสมคือเป็นของหีนยานแต่เดิม แล้วฝ่ายมหายานมาเติมแต่งทีหลัง  ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่าง ถ้ำเถรวาท กับ ถ้ำมหายาน ก็คือ ในพุทธศาสนาเถรวาทยุคแรกนั้นไม่มีพระพุทธรูป มีแต่พระสถูป  ต่อมาตอนหลังๆ  ก็มีพระพุทธรูปชัดเจนขึ้น ชมความมหัศจรรย์ อลังการ สร้างจากศรัทธาของ ชาวอินเดียภายในถ้ำสลักเสลาเป็นเสาประดับลวดลายอันงดงาม พระพุทธรูป และเจดีย์ศิลาที่สกัด  และตบแต่งขึ้น จากหินชิ้นเดียวกับพื้น และผนังถ้ำภาพจิตรกรรมฝาผนังอายุกว่า 1,200 ปี มีความงดงามสมบูรณ์ด้วย เทคนิคการเขียนภาพสามมิติอันน่าอัศจรรย์ พระพุทธรูปศิลา ที่แสดงอารมณ์พระพักตร์ต่างกันเมื่อแสงตกสะท้อนจากต่างมุม          

ทัวร์อชันตา

ทัวร์อชันตา

15.00     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (รับประทานอาหารช้า)

16.00     นำท่านสู่เดินทางกลับสู่เมือง ออรังกาบัด 

เย็น        รับประทานอาหารค่ำภายในโรงแรม 

โรงแรม.................................... ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า

วันที่สิบสอง ออรังกาบัด  -  ถ้ำเอลโลร่า – ออรังกาบัด – มุมไบ

06.00 รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมฯ ออกเช้าและพร้อมเช็คเอ้าท์

07.00 เดินทางสู่ ถ้ำเอลโลร่า Ellora ( UNESCO World Heritage )  สร้างในปีค.ศ.600-1000 หรือ  พ.ศ.1100 –ประมาณ พ.ศ.1400  หมู่ถ้ำนี้เป็นวัด และศาสนาสถานเจาะเข้าไปในภูเขา เช่นเดียวกับอชันต้า แต่สร้างขึ้นในสมัยหลัง  หมู่ถ้ำนี้มีถึง 3 ศาสนา คือ พุทธ ฮินดู และเชน มีทั้งหมด 34 ถ้ำ  และเป็นถ้ำพุทธอยู่ชุดแรก เริ่มจากทิศใต้ ถ้ำ 1 ถึง12   ถ้ำ13 ถึง 29  เป็นถ้ำของศาสนาฮินดู รวม17 ถ้ำ และถ้ำ 30-34 อีก 5 ถ้ำ  เป็นถ้ำของศาสนาเชน หรือศาสนามหาวีระในบรรดาหมู่ถ้ำทั้งหมด เทวาลัยถ้ำเขาไกรลาส (Kailasanatha Temple ) นับเป็นเพชรน้ำเอก  (ถ้ำ 16 ) การแกะสลักจะทำจากด้านบนสุด แล้ว ค่อยๆไล่ลงมา นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ชมภาพแกะสลักอย่างวิจิตรงดงามของเหล่าทวยเทพ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นรูปองค์พระศิวะ  พระพรหม  พระนารายณ์ พระพิฆเนศ ช้างเอราวัณตลอดทั้งเหล่านางเทพ  อัปสร และอีกมากมาย 

ทัวร์อชันตา

ทัวร์อชันตา

15.00  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร(รับประทานอาหารช้าเพราะว่าต้องเดินในถ้ำ)

16.00  นำท่านสู่เดินทางกลับสู่เมือง ออรังกาบัด 

แวะชม บีบี กา มักบารา (Bi Bi Ka Maqbara) สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก สร้างโดยพระโอรสของออรังเซบ ทรงสร้างเพื่อรำลึกถึงพระมารดาบีกัมราเบีย อุเด ดาราณี สถาปัตยกรรมลักษณะคล้ายทัชมาฮาล  

ทัวร์มุมไบ

          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น / เดินทางสู่สนามบินเพื่อบินกลับมุมไบ

20.20 เหิรฟ้าสู่เมืองมุมไบ โดยเที่ยวบิน AI441 

21.35   ถึงสนามบินมุมไบ

นำท่านเดินทางสู่โรงแรม.................ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า 

วันที่สิบสาม ถ้ำเอเลเฟ่นต้า -  มุมไบซิตี้ทัวร์ – กรุงเทพฯ

07.00 รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมพร้อมเช็คเอ้าท์  

ออกเดินทางสู่ เกาะเอเลเฟ่นต้า เพื่อนั่งเรือประมาณ45นาที  เพื่อชมเทวาลัยถ้ำอันอลังการ ถ้ำเอเล่เฟ่นต้า Elephanta Caves (มรดกโลก) เทวาลัยเหล่านี้ขุดเจาะในศตวรรษที่7 และ 8 งานประติมากรรมชิ้นเอกเป็นเทวรูปพระศิวะครึ่งองค์ สูง 5 เมตร มีสามเศียร แสดงปางผู้สร้าง ผู้รักษา และผู้ทำลาย

ทัวร์อชันตา

นำท่านเดินทางกลับสู่เมืองมุมไบ 

14.00 รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (รับประทานอาหารกลางวันช้า)

ชมเมือง มุมไบ หรือที่เคยรู้จักกันในชื่อ “บอมเบย์ เมืองท่าเก่าแก่ของอินเดียตอนใต้  และเป็นเมืองเอกของ รัฐมหาราษฏร์ ( Maharashtra ) รัฐที่ร่ำรวยด้วยแหล่งโบราณสถานวัดถ้ำมรดกโลกอันวิจิตรตระการตา มุมไบยังเป็นศูนย์รวม ของศรัทธาความเชื่อและวัฒนธรรมหลากหลายมีฐานะเป็นฮอลีวู้ด (บอลลีวู้ด) ของอินเดียมานาน มีทะเลอาระเบียนโอบล้อมอยู่สามด้าน เป็นศูนย์กลางด้านการค้าพาณิชย์ของอินเดีย จึงดึงดูดให้คนมากมายมาที่เมืองแห่งนี้

นำท่านถ่ายรูปกับประตูชัย Gateway of India สัญลักษณ์ของเมืองมุมไบเป็นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับประเทศอังกฤษโดยตรง สถานที่นี้สร้างเพื่อใช้ต้อนรับKing  George ที่ 5 และ Queen Marry คราวเสด็จไปอินเดียเมื่อครั้งพระองค์ยังทรงตำแหน่งมกุฎราชกุมาร  ( Crown Prince)  เมื่อปี ค.ศ. 1911   

นำท่านถ่ายรูปด้านนอกสถานีรถไฟ Victoria Terminus (UNESCO World Heritage Site )ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษ Frederick William Stevens สร้างเสร็จในปีค.ศ.1888 เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ปัจจุบัน ใช้ชื่อว่า Chhatrapati Shivaji Terminus กรณีมีเวลาให้ท่านอิสระช้อปปิ้งภายในห้าง

ทัวร์อชันตา

เย็น    รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

20.00  นำท่านเดินทางสู่สนามบินเพื่อบินกลับสู่กรุงเทพฯ

23.00  เครื่องบินออกจากสนามบินมุมไบ โดยเที่ยวบิน TG318  

วันที่สิบสี่ เดลลี - กรุงเทพฯ        

05.05    เดินทางกลับมาถึง กรุงเทพ ด้วยความประทับใจ
 
*************************************

**************

หมายเหตุสำคัญ การจองทัวร์ ช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ โรคโควิด-19

หมายเหตุสำคัญ

1. การเดินทางทัวร์ต่างประเทศและในประเทศไทย ในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติของโรคโควิด-19 เนื่องด้วยมาตรการเกี่ยวกับควบคุมโรคโควิด-19 ของแต่ละประเทศมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อาจส่งผลให้ สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งปิด รถไฟหยุดบริการ เรือสำราญหยุดบริการ หากเกิดกรณีดังกล่าว บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนโปรแกรมทัวร์ตามความเหมาะสม โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า

2. กรณีลูกค้าป่วยเป็นโควิค-19 ระหว่างทัวร์ ลูกค้าต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจรักษาต่าง ๆ รวมทั้งค่าโรงแรมในการกักตัว ด้วยตัวท่านเอง / เนื่องจากทัวร์เป็นลักษณะเหมาบริการ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินค่าทัวร์ ทั้งนี้บริษัทฯ จะช่วยประสานงานต่าง ๆให้เรียบร้อย *ประกันการเดินทาง ของบริษัทฯ จัดทำให้ จะเป็นประกันอุบัติเหตุในการเดินทางเท่านั้น ไม่รวมประกันสุขภาพ และโรคประจำตัว ไม่รวมค่าโรงแรมในการกักตัว Hotel/Home isolation ไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายในการตรวจ Fit to Fiy ATK RT-PCR และ PCR

โดยการเบิกประกันอุบัติเหตุจะต้องรักษาโดยโรงพยาบาล คลินิก มีใบเสร็จ และใบรับรองแพทย์ เท่านั้น ทั้งนี้การพิจารณาการเอาประกัน เป็นไปตามกรมธรรม์ บริษัทประกันภัย จะเป็นผู้พิจารณาเท่านั้น บริษัทฯ ไม่ได้รับผิดชอบในส่วนนี้

ลูกค้าได้อ่าน และรับทราบหมายเหตุสำคัญนี้ เพื่อความเข้าใจตรงกัน ก่อนการตัดสินใจซื้อทัวร์จากบริษัทฯ

การจองทัวร์ /เงื่อนไขการจองทัวร์

1. ส่งสำเนาหนังสือเดินทาง พร้อมชำระเงินมัดจำท่านละ 30,000 บาท
2. ชำระเงินค่าทัวร์ส่วนที่เหลือก่อนการเดินทางประมาณ 30 วันทำการ
(หนังสือเดินทางต้องมีวันหมดอายุมากกว่า 6 เดือน เหลือหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า)

กรณียกเลิก
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 45วัน ไม่เก็บค่าใช้จ่าย (หากไม่ได้มีการยื่นวีซ่าล่วงหน้า) (สงกรานต์-วันปิยะ-ปีใหม่ก่อน 45 วัน)
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 30 วัน หักค่ามัดจำ 10,000 บาท + ค่าวีซ่า (ถ้ามี) (สงกรานต์-วันปิยะ-ปีใหม่ก่อน 30 วัน)
ยกเลิกก่อนการเดินทาง 20 วัน หักค่ามัดจำ 20,000 บาท + ค่าใช้จ่ายอื่น (ถ้ามี) (สงกรานต์-วันปิยะ-ปีใหม่ก่อน 20-25 วัน)
ยกเลิกก่อนการเดินทาง น้อยกว่า 20 วัน หักค่าใช้จ่าย 50-75% ของค่าทัวร์ (สงกรานต์-วันปิยะ-ปีใหม่ก่อน 15 วัน)
*** กรณีลูกค้าใช้ราคาตั๋วโปรโมชั่น ไม่สามารถคืนเงินได้ กรณียกเลิกการเดินทาง กรณีออกตั๋วแล้วบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์คืนเงินมัดจำ***

อัตรานี้รวม

1.ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ ชั้นนักท่องเที่ยว (Economy Class)
2.ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งตามรายการทัวร์
3.ค่ารถปรับอากาศนำเที่ยวตามระบุไว้ในรายการ พร้อมคนขับรถที่ชำนาญเส้นทาง
4.ค่าห้องพัก (ห้องละ 2 ท่าน) ในโรงแรมที่ระบุในรายการหรือเทียบเท่า
5.ค่าอาหารที่ระบุในรายการ ให้ท่านได้เลิศรสกับอาหารท้องถิ่นในแต่ละประเทศ
6.ค่าวีซ่าเข้าประเทศอินเดียแบบออนไลน์
7.ค่าประกันอุบัติเหตุในการเดินทางวงเงิน 1,000,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลเกิดจากอุบัติเหตุ 100,000 บาท
(ค่าประกันเฉพาะอุบัติเหตุในการเดินทาง ไม่เกี่ยวกับสุขภาพ โควิด และโรคประจำตัว)

อัตรานี้ไม่รวม

1. ค่าอาหารและเครื่องดื่มที่ผู้เดินทางสั่งเองนอกเหนือจากรายการ
2. ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่น ๆ ที่มิได้ระบุรวมในรายการ เช่น โทรศัพท์ มินิบาร์ ทีวีช่องพิเศษซัก-รีดฯลฯ
3.ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ขึ้นอยู่กับความพอใจ
4.ค่ากล้องวีดีโอ และค่ากล้องถ่ายรูปทุกชนิด
5.รวมค่าทิปไกด์ และคนขับรถ รวมตลอดทริป 2,000 รูปี
6.การบริการยกกระเป๋าเป็นการบริการเสริมเพิ่มเติม ทั้งนี้บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบกรณีกระเป๋าแตก ขีดข่วน หู้หิ้วหลุด เช่น กรณีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ ยกขึ้นสายพานของแอร์ไลน์ หรือกรณีเจ้าหน้าที่โรงแรมยกเข้าออกโรงแรมหรือคนขับรถยกขึ้นรถบัสหรือยกเข้าออกเรือที่พักบนเรือ และทำให้กระเป๋าเกิดความเสียหาย บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบใดๆให้ท่านได้ เพื่อความสบายใจกรณีลูกค้ากังวลเรื่องกระเป๋ากรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ตามจุดต่างๆเพื่อลูกค้าจะได้ยกกระเป๋าท่านเอง
7.กรณีกระเป๋าสูญหายระหว่างทัวร์ บริษัทฯ ขอคืนกิโลกรัมละ 15USD ตามน้ำหนักเอกสารแอร์ไลน์ที่ท่านเช็คอินท์จากกรุงเทพฯ มา
8.กรณีแอร์ไลน์เปลี่ยนแปลงแจ้งเวลาบินกระทันหัน หรือ เที่ยวบินดีเลย์ บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบตั๋วเครื่องบินๆภายในประเทศให้ท่านได้
9.กรณีขอที่นั่งพิเศษ บริษัทฯ จะทำการรีเควสร้องขอแอร์ไลน์ทั้งนี้บริษัทฯ ไม่ยืนยันจะได้ตามที่ขอหรือไม่ขึ้นอยู่กับแอร์ไลน์ดำเนินการ
10.ค่าเข้าห้องน้ำ สำหรับห้องน้ำเอกชนกรณีบางสถานที่เรียกเก็บ รบกวนชำระตรงผู้ให้บริการ

หมายเหตุ

1.บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบในกรณีที่กองตรวจคนเข้าเมือง ห้ามผู้เดินทาง เนื่องจากมีสิ่งผิดกฎหมาย หรือสิ่งของห้ามนำเข้าประเทศ เอกสารเดินทางไม่ถูกต้อง หรือ ความประพฤติส่อไปในทางเสื่อมเสีย หรือ ด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตามที่กองตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาแล้ว ทางบริษัทฯ ไม่อาจคืนเงินให้ท่านได้ ไม่ว่าจำนวนทั้งหมด หรือ บางส่วน

2.บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายใดๆที่อาจเพิ่มขึ้น เช่น อาหาร โรงแรม ค่าเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินภายในประเทศไทย ในกรณีเกิดเหตุสุดวิสัย อาทิ เกิดการล่าช้าของสายการบิน เปลี่ยนแปลงเวลาของสายการบิน และยกเลิกเที่ยวบินจากสายการบิน ,อุบัติเหตุร้ายแรงตามธรรมชาติต่างๆ , การนัดหยุดงาน , ปัญหาทางการเมือง , การจลาจล , การโจรกรรม , และสิ่งของสูญหายตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งเป็นเหตุอันเกิดขึ้นเหนือการควบคุมของบริษัท

3.บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ที่จะยกเลิก หรือเปลี่ยนแปลงรายการทัวร์, กำหนดวันเดินทาง,สายการบิน, และราคาทัวร์ ตามความเหมาะสม และความจำเป็นที่เกิดขึ้น โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

4.คณะผู้จัดการเดินทางจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น หากผู้เดินทางถูกปฏิเสธการเข้า – ออกเมือง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าออกเมืองเป็นสำคัญ

5.ยกเลิกการเดินทางทุกกรณีหรือไม่เดินทางพร้อมคณะ บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเป็นลักษณะของการเหมาจ่ายแบบหมู่คณะ ไม่สามารถแยกคืนได้

6.สำหรับรายการทัวร์ที่เป็นการชมความงามธรรมชาติ บริษัทฯ ไม่รับผิดชอบความสวยงามได้ แต่ละวันเดินทาง
สถานที่ท่องเที่ยวอาจมีความสวยงามแตกต่างกันไป ช่วงเวลา ฤดูกาล สภาพอากาศ เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่สามารถควบคุมได้

7.การขอที่นั่งพิเศษ เช่น ริมทางเดิน ริมหน้าต่าง เป็นการจัดที่นั่งของสายการบิน บริษัทฯ ไม่การันตีและไม่สามารถรับผิดชอบ กรณีไม่ได้ที่นั่งตามที่ลูกค้าต้องการ เนื่องจากเป็นการจัดการของสายการบิน บริษัทฯไม่สามารถแทรกแซงได้

*การขอที่นั่งพิเศษ เช่น ริมทางเดิน ริมหน้าต่าง เป็นการจัดการของสายการบิน บริษัทฯ ไม่การันตี และไม่สามารถรับผิดชอบ กรณีไม่ได้ที่นั่งตรงตามลูกค้าต้องการได้ เนื่องจากเป็นการจัดการของสายการบิน บริษัทฯ ไม่สามารถแทรกแซงได้

กรณีลูกค้าใช้ตั๋วเครื่องบินกับบริษัทฯ จะเป็นตั๋วหมู่คณะ ตั๋วโปรโมชั่นพิเศษ การจัดที่นั่งจะเป็นโซนกรุ๊ปจะอยู่ช่วงท้ายลำของเครื่องบิน สายการบินเป็นผู้จัดที่นั่งให้ บริษัทฯ จะทำการรีเควส สายการบินตามที่ลูกค้าต้องการ แต่ไม่สามารถการันตีที่นั่งได้ เนื่องจากหลายสายการบินแยกขายที่นั่งเพิ่มจากราคาตั๋วเครื่องบิน
หากลูกค้าต้องการนั่งแถวหน้าๆ หรือหน้าสุด จำเป็นต้องซื้อที่นั่งเพิ่ม หรือใช้ตั๋วเครื่องบินเดี่ยวแทนตั๋วกรุ๊ป ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ไม่รวมในค่าทัวร์ *ราคาที่นั่งจะสามารถซื้อได้หลังจากการออกตั๋วเครื่องบินแล้ว หลังจากซื้อที่นั่งแล้วจะไม่สามารถยกเลิก หรือขอคืนเงินได้ ราคาที่นั่งจะทราบ ณ วันที่ซื้อที่นั่งขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ

ช่วงเวลาต่อเครื่องบินระหว่างประเทศ และในประเทศ ลูกค้าต้องตรวจสอบเวลาเรียกขึ้นเครื่องให้ถูกต้อง เนื่องจากสายการบินไม่มีประกาศการเรียกขึ้นเครื่อง หากลูกค้าตกเครื่อง ขึ้นเครื่องไม่ทัน ลูกค้าต้องชำระการซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่เอง บริษัทฯ ไม่รับผิดชอบในส่วนนี้

*กรณีลูกค้าซื้อตั๋วเอง และออกตั๋วบินภายในประเทศ ต้องได้รับการยืนยันจากบริษัทฯว่าสามารถออกตั๋วได้เท่านั้น กรณีลูกค้าออกตั๋วเองโดยไม่ได้รับการยืนยัน รวมทั้งการเปลี่ยนเวลาบิน ยกเลิกเที่ยวบินเกิดจากสายการบิน บริษัทฯ ไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้

*การบริการยกกระเป๋า ที่สนามบิน โรงแรม เรือ หรือรถบัส ..เป็นการบริการที่บริษัทฯ ยินดีให้บริการลูกค้าและไม่ได้บวกรวมค่ากระเป๋าเสียหาย ลงในค่าทัวร์ ดังนั้นไม่ว่าจะด้วยเหตุใดๆ ก็ตามกรณีค่ากระเป๋าเสื่อมสภาพ แตกหัก หูหิ้วหลุด จากการยกขึ้นสายพาน หรือยกเข้าโรงแรมหรือเข้าเรือ หรือยกลงจากรถบัส หรือ เป็นรอยขีดข่วน ดังนั้น กรณีที่ท่านยอมรับความเสียหายได้ กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่หน้างานเพื่อยกให้ท่าน บริษัทฯ ยินดีให้บริการแต่กรณีที่ท่านจะยกเอง รบกวนแจ้งเจ้าหน้าที่หน้างานก่อนการซื้อขายทัวร์... เพื่อจะได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ท่านยกกระเป๋าท่านเองทุกๆสถานที่ ทั้งนี้บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบความเสียหายใดๆได้

*กรณีที่ท่านแพ้อาหาร แพ้ส่วนผสมต่างๆ เช่นพริกไทย ผงชูรส แพ้ถั่ว แพ้แป้งสาลี หรือต้องการอาหารพิเศษ และจำเป็นต้องทานซีฟู้ดทุกมื้อที่มีกุ้ง หอย ปู หรือปลา หรือทานเนื้อไก่ไม่ได้ หรือทานเนื้อวัวไม่ได้ หรือทานเนื้อแพะไม่ได้ ทั้งนี้บริษัทฯจะพยายามจัดหาและแจ้งร้านอาหารก่อนการเดินทางทุกครั้ง กรณีที่บริษัทฯ ไม่สามารถจัดหาได้ หรือถ้าจัดแล้วอาจจะต้องเป็นเมนูซ้ำๆ หรือมื้อไหนบริษัทฯไม่สามารถจัดหาให้ได้บริษัทฯ ขออนุญาตจัดเป็นสลัดผักท้องถิ่น ไข่ต้มหรือไข่เจียว หรืออาหารท้องถิ่นแบบไม่มีเนื้อสัตว์แทน

เอกสารสำหรับยื่นวีซ่า

1.Passport ตัวจริง อายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน นับจากวันเดินทางกลับ
และหนังสือเดินทางจะต้องไม่ชำรุด มีหน้าว่างอย่างน้อย 4 หน้า
2.รูปถ่ายหน้าตรงรูปสี (ที่ไม่ใช่รูปถ่ายเล่นพื้นหลังสีขาวเท่านั้น) ขนาด 2 นิ้ว x 2 นิ้ว เท่านั้น 2 ใบ
3.นามบัตรที่ทำงาน หรือ เขียน ตำแหน่งงาน ชื่อสถานที่ทำงาน ที่อยู่ เบอร์โทร
(กรณี Retired ไม่ต้องใช้)
4.สำเนาทะเบียนบ้าน
5.สำเนาบัตรประชาชน
6.ชื่อบิดา มารดา และสถานที่เกิด
7.สถานะ โสด/แต่งงาน กรณีแต่งงาน ระบุ ชื่อสามีและสถานที่เกิด

*************

ทัวร์แนะนำ : ทัวร์อินเดีย ทัวร์อชันตา ทัวร์อจันตา เที่ยวอินเดีย ทัวร์อชันต้า ทัวร์สังเวชนียสถาน ทัวร์เนปาล ทัวร์แสวงบุญ



^
TOP