ทัวร์ขชุราโห  กวาลิเออร์ ออชา เมืองมรดกโลก ล้ำค่าแห่งอินเดีย ทริปเดียวเที่ยว 2 รัฐ รัฐมัธยประเทศ และรัฐโอริสสา
ทัวร์ขชุราโห  กวาลิเออร์ ออชา เมืองมรดกโลก ล้ำค่าแห่งอินเดีย ทริปเดียวเที่ยว 2 รัฐ รัฐมัธยประเทศ และรัฐโอริสสา

ทัวร์ขชุราโห กวาลิเออร์ ออชา เมืองมรดกโลก ล้ำค่าแห่งอินเดีย ทริปเดียวเที่ยว 2 รัฐ รัฐมัธยประเทศ และรัฐโอริสสา

ทัวร์ขชุราโห  กวาลิเออร์ ออชา เมืองมรดกโลก ล้ำค่าแห่งอินเดีย ทริปเดียวเที่ยว 2 รัฐ รัฐมัธยประเทศ และรัฐโอริสสา ทัวร์ขชุราโห  กวาลิเออร์ ออชา เมืองมรดกโลก ล้ำค่าแห่งอินเดีย ทริปเดียวเที่ยว 2 รัฐ รัฐมัธยประเทศ และรัฐโอริสสา ทัวร์ขชุราโห  กวาลิเออร์ ออชา เมืองมรดกโลก ล้ำค่าแห่งอินเดีย ทริปเดียวเที่ยว 2 รัฐ รัฐมัธยประเทศ และรัฐโอริสสา ทัวร์ขชุราโห  กวาลิเออร์ ออชา เมืองมรดกโลก ล้ำค่าแห่งอินเดีย ทริปเดียวเที่ยว 2 รัฐ รัฐมัธยประเทศ และรัฐโอริสสา ทัวร์ขชุราโห  กวาลิเออร์ ออชา เมืองมรดกโลก ล้ำค่าแห่งอินเดีย ทริปเดียวเที่ยว 2 รัฐ รัฐมัธยประเทศ และรัฐโอริสสา 5คืน
รวมตั๋วเครื่องบิน ตั๋วเครื่องบิน
มีหัวหน้าทัวร์ไทย หัวหน้าทัวร์ไทย
ประกันอุบัติเหตุการเดืนทาง ประกันอุบัติเหตุเดินทาง

Thai Airways
10วัน | 8คืน
แสดงราคา /วันเดินทาง

ทัวร์อินเดีย ทัวร์ขชุราโห กวาลิเออร์ ออชา เมืองมรดกโลก ล้ำค่า

ขอนำท่านเที่ยวชมป้อมที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ตั้งอยู่ในรัฐมัธยประเทศ เมืองมรดกโลก เริ่มด้วยกรุงนิวเดลี เป็นสถานที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุและศิลปกรรมของอินเดียมากกว่า 150,000 ชิ้น ที่ตกทอดกันมา รวมทั้งศิลปกรรมอันล้ำค่าของเอเชียกลางจากเส้นทางสายไหม ซึ่งนับว่าหาได้ยากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก นำท่านชม Akshardham ณ สถานที่แห่งนี้เป็นตัวอย่างของวัฒนะธรรมอินเดีย เป็นเสมือนเป็นหัวใจสำคัญของงานสถาปัตยกรรมอินเดียโบราณอย่างแท้จริง ต่อด้วยชมพระราชวังเจ็ดชั้น ที่สร้างขึ้นบนเนินเขาเป็นพระราชวังที่สวยงามและแข็งแรง เป็นที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดของในจำนวนพระราชวังทั้งหมด 52 แห่ง

โปรแกรมการเดินทาง ทัวร์ขชุราโห กวาลิเออร์ ออชา เมืองมรดกโลก ล้ำค่าแห่งอินเดีย ทริปเดียวเที่ยว 2 รัฐ รัฐมัธยประเทศ และรัฐโอริสสา

     รัฐมัธยประเทศ มีเมืองเอกชื่อว่าเมืองโภปาล เป็นรัฐที่ตั้งอยู่ตรงกลางของประเทศอินเดีย จึงมีผู้คนให้ชื่อเล่นว่า "หัวใจของอินเดีย" มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของอินเดีย มีประชากรถึง 75 ล้านคน เป็นรัฐที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของอินเดีย แม้จะไม่ติดทะเลแต่มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ และเป็นรัฐที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอันดับท็อปของอินเดีย ที่ตั้งของรัฐมัธยประเทศ ที่อยู่ตรงศูนย์กลางของประเทศอินเดีย ทำให้ได้เปรียบอยู่ไม่น้อยในแง่ของการขนส่ง และกระจายสินค้าไปทั่วอินเดีย และยังมีระเบียงอุตสาหกรรม Delhi-Mumbai Industrial Corridor ตัดผ่านรัฐ ซึ่งนายชอว์ฮานมองการณ์ไกล ได้วางแผนระเบียงอุตสาหกรรมภายในรัฐระหว่างเมืองโภปาล ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ และเมืองอินดอร์เมืองหลวงทางเศรษฐกิจของรัฐ ทำให้รัฐมัธยประเทศถือเป็นรัฐที่สำคัญของอินเดียในการด้านเศรษฐกิจ   โดยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมีทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรม รัฐมัธยประเทศเป็นรัฐที่มีพื้นที่ป่าธรรมชาติมากที่สุดในอินเดีย และมีชื่อเล่นอีกชื่อหนึ่งว่าเป็น "ดินแดนของเสือ" มีอุทยานขนาดใหญ่ถึง 9 แห่ง และมีสถานที่ ที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของ UNESCO ซึ่ง 1ในนั้นได้แก่เมืองขชุราโห 

1.วันแรก กรุงเทพฯ – เดลลี - กวาลิเออร์

05.00 คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ROW D หน้าเคาเตอร์การบินไทยเจ้าหน้าที่บริษัทฯ อำนวยความสะดวกในการเช็คอินท์

07.35 เครื่องบินออกเดินทางสู่สนามบินอินทิราคานธีร์ เมืองเดลลีโดยเที่ยวบิน TG323

10.35 ถึงท่าอากาศยานนานาชาติอินทิราคานธีร์ เมืองเดลลี ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว (เวลาที่อินเดียช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชั่วโมง)

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านออกเดินทางสู่สถานีรถไฟเพื่อเดินทางสู่เมืองกวาลิเออร์ เป็นเมืองป้อมปราการโบราณ ที่ กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวและเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ที่สำคัญเมืองหนึ่งของอินเดีย ตั้งอยู่ห่างจากเมืองอัครา  ไปทางทิศใต้ประมาณ 122 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเมืองโภปาล เมืองหลวงของรัฐไปทางทิศเหนือประมาณ 423 กิโลเมตร (รถไฟปรับอากาศ ใช้เวลา4ชั่วโมง)
 
ค่ำ            รับประทานอาหารค่ำภายในโรงแรมฯ
 
นำท่านเข้าที่พัก .............Hotel หรือเทียบเท่า ภายในเมืองกวาลิเออร์
 
2.วันที่สอง กวาลิเออร์
 
เช้า  รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมฯ
 
นำท่านชมป้อมแห่งเมืองกวาลิเออร์ เมืองกวาลิเออร์ (Gwalior) เป็นเมืองป้อมปราการโบราณ ที่กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวและเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ที่สำคัญเมืองหนึ่งของอินเดีย อยู่ห่างจากเมืองโภปาล (Bhopal) เมืองหลวงของรัฐไปทางทิศเหนือประมาณ 423 กิโลเมตร (263 ไมล์) เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของเมืองกวาลิเออร์ ป้อมกวาลิเออร์ เป็นหนึ่งในป้อมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย โดยตามตำนานเล่าขานป้อมกวาลิเออร์เคยถูกปกครองโดยกษัตริย์ชื่อ Suraj Sen เวลามาถึงเมื่อเขาเป็นโรคเรื้อนซึ่งรักษาไม่หาย นักปราชญ์ชื่อ Gwalipa ได้นำน้ำจากสระศักดิ์สิทธิ์ให้กษัตริย์ดื่มซึ่งสามารถรักษาโรคให้กษัตริย์ Suraj หายเป็นปกติและเพื่อเป็นเกียรติแก่นักปราชญ์กษัตริย์ Suraj ได้สร้างป้อมแห่งนี้เพื่ออยู่ในความครอบครองของนักปราชญ์ต่อไป แต่ในยุคต่อๆมากษัตริย์ไม่สามารถปกป้องป้อมแห่งนี้ได้ทำให้ป้อมแห่งนี้ถูกยึดครองจากบุคลลหลากหลายเผ่าพันธ์ ไม่ห่างไกลจากป้อม

นำท่านชมวัดฮินดู Sas Bahu Temple ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1092-93 โดยราชวงศ์Kachchhapaghata  อุทิศเพื่อพระวิษณุลักษณะเป็นรูปทรงเหลี่ยมที่สร้างด้วยหินทรายสีแดงที่มีรูปปั้นและการแกะสลักคานและเสาอย่างงดงามแบบวิจิตรบรรจงหาชมได้ยาก แต่ไม่มีซุ้มประตูปิดบัง

 
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น   
 
บ่าย นำท่านเข้าชม พระราชวังไจ วิลาส ที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในอินเดีย สร้างโดยพระมหาราชา Jayajirao สร้างขึ้นในรูปแบบสไตล์ยุโรปผสมผสานกับอินเดีย เพื่อเฉลิมฉลองให้กับการมาเยือนของเจ้าชายแห่งเวลส์ในปี พ.ศ. 2419 ได้รับการออกแบบโดยพันโทเซอร์ไมเคิล ฟิโลส ในสไตล์ที่ได้รับแรงบันดาลใจคลาสสิกโดยผสมผสานองค์ประกอบของดอริก ทัสคัน โครินเธียน และพัลลาเดียน และถูกสร้างขึ้น เป็นหินทรายทาสีขาว ความหรูหราของพระราชวัง และของสะสมที่มีคุณค่า นำถูกมารวบรวม และปัจจุบันพระราชวังได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ ชื่อว่า พิพิธภัณฑ์ ซินเดีย ประกอบด้วยห้องต่างๆ มากมาย
 
ค่ำ    รับประทานอาหารค่ำภายในโรงแรม 
นำท่านเข้าที่พัก .............Hotel หรือเทียบเท่า ภายในเมืองกวาลิเออร์ 
 
3.วันที่สาม กวาลิเออร์ - ดาเทีย - ออชา
 
08.00 รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมฯพร้อมเช็คเอ้าท์
 
นำท่านเดินทางสู่เมืองดาเทีย เมืองโบราณดาเทียถูกล้อมรอบด้วยเขตมัธยประเทศ เขตนี้เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังเมืองกวาลิเออร์ ในมหาภารตะเป็น "Daityavakra" เป็นจุดแสวงบุญสำหรับสาวกของ Siddhapeeth Shri Peetambra Devi ชมพระราชวังเจ็ดชั้นสร้างโดยพระราชาเบอสิงห์ ดีโอ หรือเรียกอีกชื่อว่าพระราชวังเก่า ที่สร้างขึ้นบนเนินเขา สร้างในปลายศตวรรษที่16ต้นศตวรรษที่17 ในพื้นที่บันดาลขาน ภายใต้ราชวงศ์บันเดล่า ราชพุท พระราชวังที่ไม่เคยมีเชื้อพระวงศ์มาพำนักเลย พระราชวังเป็น ยาวเกือบ 80 เมตรและยังนี่เป็นพระราชวังที่สวยงามและแข็งแรง ถูกสร้างขึ้นโดยการใช้เงิน 35 รูปี (78 พันเหรียญสหรัฐ) และใช้เวลาสร้างเก้าปี ตั้งอยู่บนโขดหินที่อยู่ทางด้านตะวันตกของเมืองดาเทียแสดงถึงสถาปัตยกรรมของโมกุลพร้อมด้วยสถาปัตยกรรมราชบัท เป็นที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดของในจำนวนพระราชวังทั้งหมด 52 แห่งที่สร้างโดยพระราชาเบอสิงห์ ดีโอและสามารถมองเห็นได้ง่ายจากระยะไกล
 
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
 
บ่าย   นำท่านเดินทางต่อสู่เมืองออชา เมืองเล็กๆเงียบสงบและสวยงามบนเกาะกลาง แม่น้ำเบตวา  สถาปนาขึ้นในศตวรรษที่ 15 โดยผู้ปกครองเมืองบันเดลา (ผู้ปกครองที่มีอำนาจปกครองอินเดียตอนกลางมากมายหลากหลายเมืองในช่วงศตวรรษที่ 16 ) ชื่อว่ารูด้า ประทีปสิงห์ ซึ่งต่อมาได้ราชาภิเษกเป็นพระราชาองค์แรกของเมืองออชา ราวปี1501-1531 และยังสร้างป้อมออชากับวัดชาเตอร์พฤกษ์ วัดนี้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของจักรพรรดิ อัคบาร์ โดยสมเด็จพระราชินีแห่งออชาการ์เนชไบ  ในขณะราชมานเดอร์ ถูกสร้างขึ้นโดยกษัตริย์ Madhukar ในช่วงปี 1554-1591 การสร้างป้อมนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงที่พำนักของมหาราชาและแสดงความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ในขณะนั่นแล้วยังแสดงถึงว่าไม่มีเจ้าเมืองใดสามารถเข้ามาสู้รบหรือยึดครองได้ง่ายๆ
 
ค่ำ            รับประทานอาหารค่ำภายในโรงแรม
นำท่านเข้าที่พัก ..............หรือเทียบเท่า ภายในเมืองออชา
 
4.วันที่สี่ เมืองออชา - เมืองขชุราโห
 
เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมพร้อมเช็คเอ้าท์
 
นำท่านชม ออชาฟอร์ท ด้านในมีพระราชวังราชมาฮาล ที่สร้างโดยพระเจ้าบีร์ซิงห์เดโอ มีห้องภายในถึง132ห้องรวมทั้งห้องพระมเหสี6ห้อง6พระองค์และห้องต่างๆล้วนประดับตกแต่งด้วยภาพเขียนสีต่างๆศิลปะแบบราชปุต-ภัณฑาละ ชมพระราชวังชาร์หังกรี มาฮาล ที่สร้างขึ้นอย่างหรูหราอลังการเพื่อต้อนรับพระเจ้าชาร์หังกรี แห่งราชวงศ์โมกุลเพียงเพื่อพัก1ราตรี วิธีทางการทูตของกษัตริย์นครภัณฑลขัณฑ์ที่ต้องการให้ได้รับคำชมที่สมพระเกียรติ ของพระเจ้าบีร์ซิงห์เดโอ การสร้างกำแพงเชิงเทินขนาดใหญ่ล้อมรอบ ป้อม พระราชวัง ป้อมประกอบด้วยอาคารที่เชื่อมต่อหลายที่สร้างขึ้นในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน แต่ที่สำคัญที่สุดคือสร้างในสมัยของราชา Mahal โดยตัวพระราชวังแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนหนึ่งมีพระราชวัง 5 ชั้น มีสามด้าน ส่วนที่ด้านพระราชวังมี 4 ชั้น นอกนั้นยังมีสถานที่พบข้าราชบริพาร และขุนนาง นอกจากนั้นยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งเป็นเรื่องราวของพระรามและพระกฤษณะ รวมถึงภาพอวตารของพระนารายณ์ 10 ปาง ภายในมีที่ประทับ ที่ประชุมลับ วัดประจำองค์ราชา รานี ห้องครัว ห้องรับแขกของราชวงศ์ ภายในของป้อมนี้ยังมีพระราชวังของกษัตริย์ชาร์ฮังกี สร้างเสร็จในปี 1598 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะ Bharath Bhushan ที่มีเหนือ Vir Singh Deo of Bundela ซึ่งเป็นศัตรูของโมกุล สร้างขึ้นเพื่อมาเป็นศูนย์การทหารและป้อมปราการในการควบคุมดูแลได้ง่าย มีลานกว้างเพื่อใช้สำหรับรองรับการทำสงครามช้าง  วัด Chaturbhuj สร้างอุทิศให้กับพระวิษณุ ลักษณะมุมมองโครงสร้างที่ซับซ้อนหลายชั้น ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างป้อมปราการ และพระราชวัง เดิมทีวัดแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อบูชารูปพระรามซึ่งเป็นเทพองค์ใหญ่ ซึ่งได้รับการติดตั้งในวัดพระรามราชาภายในป้อม Orchha ปัจจุบันมีรูปของพระกฤษณะเป็นที่สักการะในวัด วัดแห่งนี้ขึ้นชื่อว่ามีวิมานที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในบรรดาวัดฮินดู โดยมีความสูงถึง 344 ฟุต วัดนี้สร้างโดย Bundela Rajputs แห่งอาณาจักร Orchha ในรัชสมัยของจักรพรรดิอัคบาร์แห่งโมกุล การก่อสร้างเริ่มโดย Madhukar Shah และสร้างเสร็จโดย Vir Singh Deo ลูกชายของเขาในศตวรรษที่ 16 Madhukar Shah ได้สร้างวิหารแห่งนี้ให้กับ Rani Ganeshkuwari ภรรยาของเขา 
 
นำท่านเข้าชม  Jehangir Mahal วังแห่งนี้สร้างโดยกษัตริย์ Bir Singh Deo เพื่อเป็นเกียรติแก่จักรพรรดิ Jahangir แห่งโมกุลในศตวรรษที่ 17 โครงสร้างขนาดใหญ่เป็นอาคารสามชั้นสร้างด้วยหินทรายสีแดงและสีเหลือง มีห้อง 236 ห้องตั้งอยู่รอบลานกลาง โดย 136 ห้องอยู่ใต้ดิน พื้นขึ้นหรือลงในลักษณะสุ่ม ทำให้เกิดภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจ ป้อมปราการขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ทั้งสี่มุมและประตูไม้ขนาดมหึมาทำให้มีกลิ่นอายของป้อมปราการที่สมบูรณ์ 
 
บ่าย รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
 
จากนั้นเดินทางเข้าสู่เมืองคาจูราโฮ ประมาณ4ชั่วโมง......เมืองคาจูราโฮ เป็นเมืองเล็กๆในเขตรัฐมัธยประเทศ (Madhya Pradesh) รัฐที่ตั้งอยู่ตรงกลางของประเทศอินเดีย ปัจจุบันเมืองขชุราโหเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของแหล่งท่องเที่ยวประเภทโบราณสถานที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์คันเดลลาในระหว่าง คริสต์ศักราช 950-1050 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัดโบราณประมาณ 20 แห่ง ซึ่งประกอบไปด้วยวัดในแบบวัดในศาสนาฮินดูยุคกลาง และวัดเชน โดยวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องของประติมากรรมแนวอีโรติค หรือ แนวกามสูตร กลุ่มอนุสรณ์สถานแห่งขชุราโห (Khajuraho Group of Monuments) ที่มีเสน่ห์ทางสถาปัตยกรรมการแกะสลักและประติมากรรมที่งดงามและน่าหลงใหลโดยกลุ่มอนุสรณ์สถานแห่งขชุราโห ได้รับการจดทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (Unesco) ในปี 1986 และจะถือเป็นหนึ่งใน"เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์" ของอินเดีย
 
ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำภายในโรงแรม
นำท่านเข้าที่พัก ………… หรือเทียบเท่า ภายในเมืองขชุราโห พัก2คืนติดกัน
 
5.วันที่ห้า เมืองขชุราโห
 
เช้า รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมพร้อมเช็คเอ้าท์
 
นำท่านชมกลุ่มอนุสรณ์สถานที่แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มเด่นๆ คือ กลุ่มตะวันตก ตะวันออก และ ใต้ โดยวัดทั้งหมดสร้างขึ้นด้วยหินทรายและได้รับการประดับประดาไปด้วยประติมากรรมจากเทพปกรณัมของศาสนาฮินดู ศาสนาเชน และภาพสลักอีโรติคที่มีเสน่ห์และงดงาม โบราณสถานที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์คันเดลลาในระหว่าง คริสต์ศักราช 950-1050 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัดโบราณประมาณ 20 แห่ง ซึ่งประกอบไปด้วยวัดในแบบวัดในศาสนาฮินดูยุคกลาง และวัดเชน โดยวัดเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงในเรื่องของประติมากรรมแนวอีโรติค หรือ แนวกามสูตร เริ่มต้นนำท่านเข้าชมกลุ่มตะวันตก ที่วัดสวยที่สุดในกลุ่มตะวันตก คือวัดกานดาริยะมหาเทพ ประกอบด้วยโครงสร้างที่สำคัญคือ มหามณฑพ (Maha Mandapa) ซึ่งมีเสาหินที่สลักลายตกแต่งอย่างงดงาม และสิงขร (Shikhara) สูง 30 เมตร มีรูปทรงสิงขรขนาดเล็กรายรอบลดหลั่นสูงขึ้นไปตามความสูงถึง 84 ยอด เป็นสัญลักษณ์แทนเขาไกรลาศ ที่ประทับของพระศิวะ เทพสูงสุดของศาสนาฮินดู ด้านในสุดภายในวัดมีห้องที่สำคัญที่สุดเรียกว่า “ครรภคฤหะ” (Garbhagriha) ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของศิวลึงค์ และมีลวดลายสลักรอบกรอบประตูหินอย่างงดงามมาก โครงสร้างขนาดใหญ่ที่เป็นที่นิยมและสวยงามที่สุด แสดงถึงความสงบงดงามของงานประติมากรรม เป็นวัดที่นิยมมากสำหรับภาพแกะสลักที่แสดงอารมณ์เร้าร้อน ส่วนใหญ่ของภาพทั้งหมดคือเทพเจ้าในศาสนาฮินดู, เทพธิดา, นางไม้ ความเว้าโค้งที่สวยงามเกินคำบรรยาย จากนั่นชมวัดลักษมันวิศวนาถ มหาเทวาลัยที่สร้างถวาย พระวิษณุ สร้างจากหินทรายสลักเสลารูปประติมากรรมเทพเจ้า นางอัปสร วิถีชีวิตของชาวเมืองในยุคนั้นตั้งแต่สาวน้อยแต่งหน้าเขียนจดหมายถึงคนรักพ่อแม่ลูกและรูปกามสูตรอันลือเลื่องที่ถูกถ่ายถอดออกมาเป็นประติมากรรมได้อย่างสวยงาม
 
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
 
บ่าย     นำท่านเที่ยวกลุ่มวัดทางทิศตะวันออกค่อนข้างแตกต่างจากวัดอื่นเพราะว่าถูกควบคุมโดยวัดเชนปาสวานาถ วัดเชนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองขชุราโหตั้งอยู่ในกลุ่มวัดทางทิศตะวันออก ได้แก่  วัดอาดินาธา วัดชานไต และวัดพรหม ที่สร้างอุทิศให้กับพระวิษณุด้วยหินแกรนิต 
จากนั่นเดินทางต่อสู่กลุ่มวัดภาคใต้ กลุ่มภาคใต้เป็นที่รู้จักกันในวัดเดียวที่ไม่มีประติมากรรมเร้าอารมณ์และวัดที่ถวายเกียรติแด่พระศิวะประกอบด้วยสามวัดที่แยกกันอย่างกว้างขวาง วัดดูลาเดล วัด บีจามานดาล และวัดชาตาพฤกษ์ อิสระให้ท่านช้อปปิ้งภายในตลาดท้องถิ่น
 
ค่ำ ได้เวลาเดินทางกลับสู่โรงแรมและรับประทานอาหารค่ำภายในโรงแรม
 
6.วันที่หก เมืองขชุราโห – เมืองพาราณสี -  เมืองภูวเนศวร
07.00 รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรม พร้อมเช็คเอ้าท์
นำท่านเที่ยวชมรอบๆ ตัวเมืองขชุราโห เมืองเล็กๆ ที่มีความเรียบง่ายของผู้คนท้องถิ่น
 
11.00 รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
 
12.00 นำท่านเดินทางสู่สนามบินขชุราโห เพื่อบินสู่เมืองพาราณสี
 
14.30 เครื่องบินออกเดินทางโดย 6E2232  
 
15.25 ถึงเมืองพาราณสี นำท่านต่อเครื่องบินสู่เมืองภูวเนศวร
 
19.50 เครื่องบินออกโดย 6E7971  รับประทานอาหารค่ำบนเครื่องบิน 
 
21.35 ถึงสนามบินบิจูพัตนิค เมืองภูวเนศวร หลังจากตรวจเช็คกระเป๋าเดินทางและสัมภาระเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองภูวเนศวร เมืองหลวงแห่งรัฐโอริสสา                             
นำท่านเข้าที่พักพักผ่อนกัน ตามสบาย (พักที่โรงแรม HOTEL เมืองภูวเนศวร ระดับ 4ดาว)
                       
เมืองโอริสสาหรือแคว้นกาลิงคะในสมัยพระพุทธกาล ซึ่งเป็นสถานที่ทำสงครามครั้งสุดท้ายที่ทำให้พระเจ้าอโศกมหาราชทรงเปลี่ยนศาสนาอันมาจากสาเหตุแห่งสงครามกาลิงคะที่พระองค์ทรงยกทัพมายึดครองแผ่นดินแห่งนี้ จนทำให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ประเทศอินเดียมีผู้บาดเจ็บล้มตายเรือนแสน เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราช ได้เปลี่ยนจากการนับถือศาสนาจากพราหมณ์ มาเป็นศาสนาพุทธแล้ว ทำให้ศาสนาพุทธเข้ามาสู่ยุครุ่งเรืองสูงสุดมีการก่อสร้างเทวสถาน พระพุทธรูป รวมไปถึงการเผยแผ่ศาสนาไปทั่วทั้งชมพูทวีป มีการส่งศาสนทูตไปยังดินแดนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจีน  ศรีลังกา   มองโกเลีย เอเชียกลาง ประเทศอิหร่าน รวมไปถึงประเทศกรีซ
 
นำท่านเข้าสู่ที่พัก.................
  
7.วันที่เจ็ด ลลิตคีรี – อุทัยคีรี – รัตนคีรี - เมืองภูวเนศวร 
 
07.00   รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมฯ 
 
นำท่านเดินทางสู่เมืองคัดแทค เมืองใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก เมืองภูวเนศวร เมืองอันได้รับสมญานามว่าดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเพชรของพระพุทธศาสนาของรัฐโอริสสา สถานที่หมู่พุทธสถานสำคัญ 3 แห่งได้แก่ ลลิตคีรี – อุทัยคีรี – รัตนคีรี เดินทาง2.30ชม.
 
จากนั้นเดินทางสู่หมู่พุทธสถาน ลลิตคีรี เป็นจุดหนึ่งในสามเหลี่ยมของพุทธศาสนาที่รู้จักกันว่าเป็นสามเหลี่ยมทองคำแห่งโอริสสาที่มีความรุ่งโรจน์ของอารยะธรรมนับตั้งแต่ศตวรรษที่3ก่อนคริสตกาลจนถึงศตวรรษที่ 15 ซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างอิฐก้อนใหญ่ซากสถูป สิ่งจารึกบนเจดีย์และเจดีย์หินที่บูรณะขึ้นมาตั้งบนยอดของกองหินทรายดูโดดเด่น ตามบันทึกของพระถังซัมจั๋งเกี่ยวกับเจดีย์ที่งดงามที่ยอดภูเขาที่ ปุษปคีรี สังฆารามมหาวิหาร ซึ่งเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจรัสแห่งความศรัทธา Lalitgiri เป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดของรัฐโอริสสา
 
จากนั่น ...นำท่านชมพิพิธภัณฑ์หมู่พระพุทธสถานแห่งลลิตคีรี ได้มีการจัดแสดงโบราณวัตถุฝีมืองดงามจำนวนมาก ได้แก่พระพุทธรูปหินปางต่างๆ พระโพธิสัตว์อวโลกิตศวรหินแกะสลัก โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อและนับถือในเรื่องพญานาคที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ดังที่ปรากฏพระพุทธรูปปางนาคปรกและโบราณวัตถุอื่นๆอีกมากมาย
 
เที่ยง........ รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
 
บ่าย......... นำท่านชมหมู่พุทธสถานแห่งอุทัยคีรีหรือมัทวะปุระมหาวิหารพุทธอุทัยศรีพื้นที่ทั้งหมดที่พบตั้งอยู่ที่เชิงเขาของภูเขาลูกใหญ่ที่ทำหน้าที่เป็นหลังพิงโบราณสถานที่หลงเหลือของอุทัยคีรี คือซากอิฐจากสถูปที่ปรักหักพังกองอิฐใหญ่สองกองจากซากอารามของอุทัยคีรีและที่อื่นพร้อมด้วยซากวัดและ อารามใน  เขตอุทัยคีรีเป็นก้อนหินตัดที่สวยงามซึ่งมีคำจารึกไว้ด้วย มีพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นอย่างประณีต รวมทั้งอวโลกิเตศวร พระโพธิสัตย์แห่งมหาปัญญา และหินแท่นบูชาสำหรับถวายและอื่นๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้ อุทัยคีรีเป็นพุทธสถานโลกที่ล้ำค่าอย่างมากทีเดียว
 
จากนั่นนำท่านชมหมู่พุทธสถานรัตนคีรี เป็นโบราณสถานที่ถูกค้นพบภายหลังซึ่งรู้จักกันชื่อวงจรรัตนคีรีของชาวพุทธ เป็นเส้นทางท่องเที่ยวของชาวพุทธเพราะมีสถานที่สำคัญ สถูปและเจดีย์จำนวนมากรัตนคีรี ไม่เพียงเป็นสถานที่ทางศาสนาเท่านั้นแต่ยังเป็นสถานที่สำคัญในการเรียนรู้ทางศาสนาพุทธโดยมีการสันนิษฐานว่านิกายพุทธนิกายตันตระยานกหรือที่เรียกกันว่า นิกายวัชรยาน สิ่งที่กล่าว มาแล้วข้างต้นล้วนแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของรัตนคีรีในรัฐโอริสสาตั้งแต่แรกเริ่มมหาวิหารที่รัตนคีรีที่พบในจารึกโดยชาวโอริสสายังเป็นสถานที่ยิ่งใหญ่ของการเรียนรู้ปรัชญาของพุทธศาสนาด้วย
 
จากนั่นนำท่านชมพิพิธภัณฑ์แห่งรัตนคีรี แสดงโบราณสถานวัตถุโบราณใหม่ที่ถูกขุดพบในบริเวณหมู่พุทธสถานจัดแสดงทั้งหมด4ห้อง (ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ)
 
นำท่านเดินทางกลับเมืองภูวเนศวร //รับประทานอาหารค่ำและพักผ่อนภายในโรงแรมที่พัก
  
8.วันที่แปด เมืองภูวเนศวร - เมืองโกนาค – พิพิธภัณฑ์โกนาค-เมืองภูวเนศวร
 
06.00   รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมฯ
07.00   ออกเดินทางสู่เมืองโกนาคในเขตเมืองปูรี ประมาณ1ชั่วโมง 
 
นำท่านชมเทวสถานพระสุริยะเทพหรือวิหารโกนาค หรือเจดีย์ดำที่สร้างโดยกษัตริย์นรสิงหะ เทวะที่1 เลียนแบบจำลองรูปรถม้าที่พระสุริยเทพขับเคลื่อนท้องฟ้าจึงมีการแกะสลักล้อหินขนาดยักษ์ที่ประณีตงดงามโดยใช้สถาปัตยกรรมแบบกาลิงคะดั้งเดิม จากนั่นนำท่านชมพิพิธภัณฑ์โกนาคได้รับการดูแลจากกรมศิลปากรประเทศอินเดียที่รวบรวมโบราณวัตถุกว่า260ชิ้น อาทิเช่น พระสุริยเทพที่ทำจากหินทราย และพระนารายณ์ในอวตารปางต่างๆ
 
เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
 
บ่าย  นำท่านเดินทางสู่เมืองชายทะเลของเมืองปูรี เมืองตากอากาศของรัฐโอริสสา ชมวิวทิวทัศน์เมืองพักตากอากาศชายฝั่งทะเลของอ่าวเบงกอล อิสระให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย 
 
นำท่านเดินทางกลับเมืองภูวเนศวร //รับประทานอาหารค่ำและพักผ่อนภายในโรงแรมที่พัก
  
9.วันที่เก้า        เมืองภูวเนศวร - เทวราชรานี-มุกเตศวร – พิพิธภัณฑ์โอริสสา – สนามบิน
 
06.00 รับประทานอาหารเช้า ภายในโรงแรมฯ พร้อมเช็คเอ้าท์
07.00  นำท่านเดินทางไปชมเทวราชรานี สร้างขึ้นเพื่อบูชาพระศิวะในศตวรรษที่11อดีตเรียกว่าเทวาลัยอินเดรสวร อันมีความหมายว่าเทวาลัยแห่งความรักมีที่ประดิษฐานศิวลึงค์ที่มีพระนามว่า ตรีภูวเนศวร หรือเทพเจ้าแห่งสามโลกซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมืองหลวงภูวเนศวรในปัจจุบัน 
           
จากนั่น ชมเทวาลัยมุกเตศวร สร้างขึ้นในศตวรรษที่10 มีขนาดเล็กแต่ด้วยความงดงามของฝีมือการแกะสลักแบบวิจิตรบรรจงทำให้ได้รับสมญานามว่า”อัญมณีแห่งโอริสสา” มีอีกแห่งที่น่าสนใจคือ สถาปัตยกรรมการแกะสลักซุ้มประตูที่ไม่เหมือนใคร (ห้องชั้นในอนุญาตให้เฉพาะชาวฮินดูเข้าเท่านั้น) 
 
นำท่านเดินทางสู่พิพิธภัณฑ์แห่งรัฐโอริสสา สถานที่สำคัญที่สุดที่มีทั้งของพระพุทธศาสนา ศาสนาเชน  และศาสนาฮินดูจากโบราณสถานต่างๆ ทั่วรัฐโอริสสา อย่างหามูลค่าไม่ได้
 
เที่ยง      รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น//
 
บ่าย......... นำท่านเดินทางสู่เขาเดาลีหรือเดลีคีรี ซึ่งเป็นสถานที่ที่ถูกสันนิษฐานว่าเป็นจุดที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงเปลี่ยนศาสนาจากฮินดูมาเป็นพุทธภายหลังจากศึกสงครามกาลิงคะที่ทำให้ผู้คนตายเป็นจำนวนมากโดยเนินเขาจะปรากฏรูปช้างหินแกะสลักที่ถือได้ว่าเป็นรูปแทนองค์พระพุทธเจ้าแห่งแรกของโลก พร้อมด้วยศิลาจารึกบัญญัติ14ประการของพระเจ้าอโศกมหาราชซึ่งข้อบัญญัติข้อที่11-13หายไปอาจเป็นเพราะว่าความสูญเสียที่เกิดจากสงครามทำให้ท่านอาจไม่อยากกล่าวถึง..
 
จากนั้นนำท่านขึ้นยอดเขาเพื่อชมเจดีย์สันติภาพหรือศานติสถูป สร้างตรงฐานทัพของพระเจ้าอโศกมหาราชและจะได้มองเห็นสมรภูมิที่ทำสงครามกับชาวเมืองแคว้นกาลิงคะที่สูญเสียทั้งทหารและประชาชนหลายแสนคนทำให้พระเจ้าอโศกมหาราชเสียพระทัยและนำไปสู่การแสวงหาหนทางสันติไม่ทำลายล้างชีวิตมนุษย์และสัตว์ จนตัดสินเปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนาและเผยแพร่ศาสนาไปทั่วทั้งชมพูทวีป รวมไปถึงประเทศจีน ศรีลังกา มองโกเลีย เอเชียกลาง อิหร่านและกรีซ //
 
19.00    รับประทานอาหารเย็นภายในโรงแรมฯ 
 
20.00 ได้เวลาเดินทางสู่สนามบินบิจูพัตนิค เมืองภูวเนศวร
 
22.40 ออกเดินทางโดยสายการบิน Indigo 6E1065   เวลาในการบิน 2.50ชม.
 
10.วันที่สิบ        สนามบินสุวรรณภูมิ
 
02.55 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ
 
 
  หมายเหตุ...ห้องพักที่แจ้งเป็นห้องพักขนาด2ท่าน กรณีพัก3ท่าน(ท่านที่3 เตียงพับ)
  หมายเหตุ...สถานที่ท่องเที่ยวแห่งไหนปิดทำการ บริษัทฯ จะพาไปเที่ยวที่อื่นแทน
 
 

 

**************

#886# วันเดินทางและอัตราค่าบริการ (ราคา / ท่าน)
วันเดินทาง ผู้ใหญ่ 2ท่าน/ห้อง เด็กไม่เสริมเตียง เด็กเสริมเตียง พักเดี่ยว +เพิ่ม
6 มิ.ย. 67 -
15 มิ.ย. 67
87,900 87,900 87,900 23,000
จองทัวร์  
20 มิ.ย. 67 -
29 มิ.ย. 67
87,900 87,900 87,900 23,000
จองทัวร์  

อ้างอิงราคา สำหรับวันที่ 24/04/24 01:48:06 เท่านั้น บริษัทฯ ขอสงวนสิทธ์ปรับเปลี่ยนวันเดินทาง และราคา โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ทัวร์ขชุราโห  กวาลิเออร์ ออชา เมืองมรดกโลก ล้ำค่าแห่งอินเดีย ทริปเดียวเที่ยว 2 รัฐ รัฐมัธยประเทศ และรัฐโอริสสา

การจองทัวร์ /เงื่อนไขการจองทัวร์

1.กรุณาส่งสำเนาหนังสือเดินทาง พร้อมชำระเงินมัดจำท่านละ 25,000 บาท
2.ค่าทัวร์ส่วนที่เหลือ ชำระก่อนการเดินทางประมาณ 30 วันทำการ
(หนังสือเดินทางต้องมีวันหมดอายุมากกว่า 6 เดือน เหลือหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า)

กรณียกเลิก
1.กรณียกเลิกก่อนการเดินทาง 60 วันขึ้นไป **เฉพาะช่วงที่ไม่ใช่เทศกาลหรือวันหยุดยาว ปีใหม่ สงกรานต์** คืนเงินทั้งหมด
**(ยกเว้น กรุ๊ปที่มีการการันตีค่ามัดจำกับสายการบินหรือกรุ๊ปที่มีการการันตีค่ามัดจำที่พัก โดยตรงหรือโดยการผ่านตัวแทนในประเทศหรือต่างประเทศและไม่อาจขอคืนเงินได้)**
2. กรณียกเลิกก่อนการเดินทาง 45 วัน **เฉพาะช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาว ปีใหม่ สงกรานต์** เก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด
3. กรณียกเลิกก่อนการเดินทาง 30 วัน เก็บค่าใช้จ่าย 70% ของราคาทัวร์
4. กรณียกเลิกก่อนการเดินทาง 15 วัน เก็บค่าใช้จ่าย 100% ของราคาทัวร์

อัตรานี้รวม

1. ค่าตั๋วเครื่องบินการบินไทยและอินดิโก น้ำหนักไม่เกิน20กิโลกรัมต่อท่าน
2. ค่าภาษีสนามบินทุกแห่ง
3. ค่าเข้าชมโบราณสถานทุกแห่ง ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ทุกแห่งที่ระบุในรายการ
4. ค่าวีซ่าอินเดียแบบออนไลน์
5. ค่าโรงแรมระดับ 4 ดาว ค่าอาหาร พร้อมน้ำดื่ม
6. ค่าประกันการเดินทางเฉพาะอุบัติเหตุแบบคณะ 1,000,000 บาทพร้อมค่ารักษาพยาบาล
คนละ500,000บาท เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทประกันภัยไทยวิวัฒน์

อัตรานี้ไม่รวม

1.ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ ค่าโทรศัพท์ ค่าเครื่องดื่ม ค่าซักรีด ฯลฯ
2.ค่าน้ำหนักกระเป๋าที่เกิน 20 กิโลกรัม ( ถ้าเกินทางสายการบินคิดเงินเพิ่ม)
3.ค่านำกล้องถ่ายรูป และกล้องวีดีโอ เข้าไปในสถานที่บางแห่ง (หากมีการเรียกเก็บ)
4.ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ไทย ขึ้นอยู่กับความพอใจของท่าน
5.ค่าทิปไกด์ 3USD และคนขับรถ 2USD /วัน รวม 9วัน เป็นเงิน45 ดอลล่าร์ต่อท่าน
6.ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% (กรณีออกใบกำกับภาษี)
7.การบริการยกกระเป๋าเป็นการบริการเสริมเพิ่มเติม ทั้งนี้บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบกรณีกระเป๋าแตก ขีดข่วน หู้หิ้วหลุด เช่น กรณีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ ยกขึ้นสายพานของแอร์ไลน์ หรือกรณีเจ้าหน้าที่โรงแรมยกเข้าออกโรงแรมหรือคนขับรถยกขึ้นรถบัสหรือยกเข้าออกเรือที่พักบนเรือ และทำให้กระเป๋าเกิดความเสียหาย บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบใดๆให้ท่านได้ เพื่อความสบายใจกรณีลูกค้ากังวลเรื่องกระเป๋ากรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ตามจุดต่างๆเพื่อลูกค้าจะได้ยกกระเป๋าท่านเอง
8.กรณีกระเป๋าสูญหายระหว่างทัวร์ บริษัทฯ ขอคืนกิโลกรัมละ 15USD ตามน้ำหนักเอกสารแอร์ไลน์ที่ท่านเช็คอินท์จากกรุงเทพฯ มา
9.กรณีลูกค้าจะต้องทานซีฟู้ดทุกๆมื้อ.ลูกค้าสามารถสั่งเพิ่มและชำระเงินที่ร้านอาหารได้โดยตรง
10.กรณีแอร์ไลน์เปลี่ยนแปลงแจ้งเวลาบินกระทันหัน หรือ เที่ยวบินดีเลย์ บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบตั๋วเครื่องบินๆภายในประเทศให้ท่านได้
11.กรณีขอที่นั่งพิเศษ บริษัทฯ จะทำการรีเควสร้องขอแอร์ไลน์ทั้งนี้บริษัทฯ ไม่ยืนยันจะได้ตามที่ขอหรือไม่ขึ้นอยู่กับแอร์ไลน์ดำเนินการ
12.ค่าเข้าห้องน้ำ สำหรับห้องน้ำเอกชนกรณีบางสถานที่เรียกเก็บ รบกวนชำระตรงผู้ให้บริการ

หมายเหตุ

1.บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนโปรแกรม แต่คำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ
2.บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายการท่องเที่ยว กรณีที่เกิดเหตุจำเป็นสุดวิสัย อาทิ การล่าช้าของสายการบิน การนัดหยุดงาน การประท้วง ภัยธรรมชาติ การก่อจราจล อุบัติเหตุ ปัญหาการจราจร ฯลฯ ทั้งนี้จะคำนึงและรักษาผลประโยชน์ของผู้เดินทางไว้ให้ได้มากที่สุด
3.เนื่องจากการท่องเที่ยวนี้เป็นการชำระแบบเหมาจ่ายกับบริษัทตัวแทนในต่างประเทศ ท่านไม่สามารถที่จะเรียกร้องเงินคืน ในกรณีที่ท่านปฎิเสธหรือสละสิทธิ์ ในการใช้บริการที่ทางทัวร์จัดให้ ยกเว้นได้ทำการตกลงหรือ แจ้งให้ทราบ ก่อนเดินทางบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น หากท่านถูกปฎิเสธการตรวจคนเข้าเมือง และจะไม่คืนเงินค่าทัวร์ที่ท่านชำระมาแล้ว หากท่านถูกปฎิเสธการเข้าเมือง อันเนื่องจากการกระทำที่ส่อไปในทางผิดกฎหมาย หรือการหลบหนีเข้าเมืองในกรณีที่ท่านจะใช้หนังสือเดินทางราชการ (เล่มสีน้ำเงิน) เดินทางกับคณะ บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบ หากท่านถูกปฎิเสธการเข้าหรือออกนอกประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะโดยปกตินักท่องเที่ยวใช้หนังสือเดินทางบุคคลธรรมดา เล่มสีเลือดหมู
4.ตั๋วเครื่องบินในการเดินทางเป็นหมู่คณะผู้โดยสารจะต้องเดินทางไป-กลับ หากท่านต้องการเลื่อนวันเดินทางกลับ ท่านจะต้องชำระ ค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่สายการบินเรียกเก็บโดยสายการบิน เป็นผู้กำหนด ซึ่งทางบริษัทฯ ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ และในกรณีที่ยกเลิกการเดินทาง ถ้าทางบริษัทได้ออกตั๋วเครื่องบินไปแล้ว ผู้เดินทางต้องรอ Refund ตามระบบของสายการบินเท่านั้น (ในกรณีที่ตั๋วเครื่องบินสามารถทำการ Refund ได้เท่านั้น) ท่านที่จะออกตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ ฯลฯ โปรดแจ้งฝ่ายขายก่อนเพื่อขอคำยืนยันว่าทัวร์นั้นๆ ยืนยันการเดินทาง แน่นอน หากท่านออกตั๋วภายในประเทศโดยไม่ได้รับการยืนยันจากพนักงาน แล้วทัวร์นั้นยกเลิก บริษัทฯไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆที่เกี่ยวข้องกับตั๋วเครื่องบินภายในประเทศได้เมื่อท่านจองทัวร์และชำระมัดจำแล้ว หมายถึงท่านยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯแจ้งแล้วข้างต้น
5.โรงแรมและห้อง ห้องพักในโรงแรมเป็นแบบห้องพักคู่ ( TWN/DBL ) ในกรณีที่ท่านมีความประสงค์จะพักแบบ 3 ท่าน / 3 เตียง ( TRIPLE ROOM ) ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของห้องพักและรูปแบบของห้องพักของแต่ละโรงแรม ซึ่งมักมีความแตกต่างกัน ซึ่งอาจจะทำให้ท่านไม่ได้ห้องพักติดกันตามที่ต้องการ หรือ อาจไม่สามารถจัดห้องที่พักแบบ 3 เตียงได้โรงแรมหลายแห่งในยุโรป จะไม่มีเครื่องปรับอากาศเนื่องจากอยู่ในแถบที่มีอุณหภูมิต่ำ เครื่องปรับอากาศที่มีจะให้บริการในช่วงฤดูร้อนเท่านั้นในกรณีที่มีการจัดประชุมนานาชาติ TRADE FAIRกรุณางดนำของมีคม ทุกชนิด ใส่ในกระเป๋าใบเล็กที่จะถือขึ้นเครื่องบิน เช่น มีดพับ กรรไกรตัดเล็บทุกขนาด ตะไบเล็บ เป็นต้น กรุณาใส่ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ห้ามนำติดตัวขึ้นบนเครื่องบินโดยเด็ดขาดวัตถุที่เป็นลักษณะของเหลว อาทิ ครีม โลชั่น น้ำหอม ยาสีฟัน เจล สเปรย์ และเหล้า เป็นต้น จะถูกทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยจะอนุญาตให้ถือขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 10 ชิ้น ในบรรจุภัณฑ์ละไม่เกิน 100 ml. แล้วใส่รวมเป็นที่เดียวกันในถุงใสพร้อมที่จะสำแดงต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามมาตราองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( ICAO )หากท่านซื้อสินค้าปลอดภาษีจากสนามบิน จะต้องปิดผนึกถุงโดยระบุ วันเดินทาง เที่ยวบิน จึงสามารถนำขึ้นเครื่องได้ และห้ามมีร่องรอยการเปิดปากถุงโดยเด็ดขาด
สัมภาระและค่าพนักงานยกสัมภาระ สำหรับน้ำหนักของสัมภาระที่ทางสายการบินอนุญาตให้โหลดใต้ท้องเครื่องบิน คือ 20-30 กิโลกรัม (สำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัด/ Economy Class Passenger ซึ่งขึ้นกับแต่ละสายการบิน) การเรียกเก็บค่าระวางน้ำหนักเพิ่มเป็นสิทธิ์ของสายการบินที่ท่านไม่อาจปฎิเสธได้ หาก น้ำหนักกระเป๋าเดินทางเกินกว่าที่สายการบินกำหนด สำหรับกระเป๋าสัมภาระที่ทางสายการบินอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้ ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัมและมีความกว้าง ( 9.75 นิ้ว ) + ยาว ( 21.5 นิ้ว ) + สูง ( 18 นิ้ว ) ในบางรายการทัวร์ ที่ต้องบินด้วยสายการบินภายในประเทศ น้ำหนักของกระเป๋าอาจจะถูกกำหนดให้ต่ำกว่ามาตราฐานได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละสายการบิน บริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับภาระ ความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในน้ำหนักส่วนที่เกินกระเป๋าและสัมภาระที่มีล้อเลื่อนและมีขนาดใหญ่เกินไป ไม่เหมาะกับการเป็นกระเป๋าถือขึ้นเครื่องบิน (Hand carry)การชดเชยค่ากระเป๋าในกรณีเกิดการสูญหาย ของมีค่าทุกชนิด ขอแนะนำไม่ควรใส่เข้าไปในกระเป๋าใบใหญ่ที่เช็คไปกับเครื่อง เพราะหากเกิดการสูญหาย สายการบินจะรับผิดชอบชดใช้ตามกฎไออาต้าเท่านั้น ซึ่งจะชดใช้ให้ประมาณ กิโลกรัมละ 20 USD คูณด้วยน้ำหนักกระเป๋าจริง ทั้งนี้จะชดเชยไม่เกิน USD 400 กรณีเดินทางชั้นธรรมดา (Economy) หรือ USD 600 กรณีเดินทางชั้นธุรกิจ (Business) ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้โหลดของมีค่าทุกประเภทลงกระเป๋าใบใหญ่ กรณีกระเป๋าใบใหญ่เกิดการสูญหายระหว่างการท่องเที่ยว (ระหว่างทัวร์ไม่ใช่ระหว่างบิน) ซึ่งอยู่ในความความรับผิดชอบของหัวหน้าทัวร์ โดยปกติประกันภัยการเดินทางที่บริษัททัวร์ได้จัดทำให้ลูกค้าจะไม่ครอบคลุมค่าชดเชยในกรณีกระเป๋าใบใหญ่สูญหาย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯจะพิจารณาชดเชยค่าเสียหายให้ท่าน โดยชดใช้ตามกฎของสายการบินเท่านั้น นั่นหมายถึงจะชดเชยตามน้ำหนักกระเป๋า คูณ ด้วยค่าชดเชย USD 20 ต่อกิโลกรัมเท่านั้น ดังนั้นท่านจึงไม่ควรโหลดของมีค่าทุกประเภทในกระเป๋าใบใหญ่ เพราะหากเกิดการสูญหาย ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์การชดเชยค่าเสียหายตามรายละเอียดข้างต้นเท่านั้นกรณีกระเป๋าใบเล็ก (Hand Carry) เกิดการสูญหาย บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบชดเชยทรัพย์สินส่วนตัวของท่านให้ท่านได้ ดังนั้น ท่านต้องระวังทรัพย์สินส่วนตัวของท่านเอง

หมายเหตุ...ห้องพักที่แจ้งเป็นห้องพักขนาด2ท่าน กรณีพัก3ท่านบริษัทฯขอเช็คห้องใหญ่อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

*การขอที่นั่งพิเศษบนเครื่องบิน เช่น ริมทางเดิน ริมหน้าต่าง บริษัทฯ ไม่การันตี และไม่สามารถรับผิดชอบ กรณีไม่ได้ที่นั่งตรงตามลูกค้าต้องการได้ เนื่องจากเป็นการจัดการของสายการบิน บริษัทฯ ไม่สามารถแทรกแซงได้

**กรณีลูกค้าใช้ตั๋วเครื่องบินกับบริษัทฯ จะเป็นตั๋วหมู่คณะ ตั๋วโปรโมชั่นพิเศษ การจัดที่นั่งจะเป็นโซนกรุ๊ปจะอยู่ช่วงท้ายลำของเครื่องบิน สายการบินเป็นผู้จัดที่นั่งให้ บริษัทฯ จะทำการรีเควส สายการบินตามที่ลูกค้าต้องการ แต่ไม่สามารถการันตีที่นั่งได้ เนื่องจากหลายสายการบินแยกขายที่นั่งเพิ่มจากราคาตั๋วเครื่องบิน หากลูกค้าต้องการนั่งแถวหน้าๆ หรือหน้าสุด จำเป็นต้องซื้อที่นั่งเพิ่ม หรือใช้ตั๋วเครื่องบินเดี่ยวแทนตั๋วกรุ๊ป ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ไม่รวมในค่าทัวร์ *ราคาที่นั่งจะสามารถซื้อได้หลังจากการออกตั๋วเครื่องบินแล้ว หลังจากซื้อที่นั่งแล้วจะไม่สามารถยกเลิก หรือขอคืนเงินได้ ราคาที่นั่งจะทราบ ณ วันที่เช็คราคากับทางสายการบินแต่ละวัน

*ช่วงเวลาต่อเครื่องบินระหว่างประเทศ และในประเทศ ลูกค้าต้องตรวจสอบเวลาเรียกขึ้นเครื่องให้ถูกต้อง เนื่องจากสายการบินไม่มีประกาศการเรียกขึ้นเครื่อง หากลูกค้าตกเครื่อง ขึ้นเครื่องไม่ทัน ลูกค้าต้องชำระการซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่เอง บริษัทฯ ไม่รับผิดชอบในส่วนนี้

*สำหรับท่านที่จะออกตั๋วภายในประเทศ ซื้อตั๋วเครื่องบินเอง เป็นดุลยพินิจของลูกค้า กรณีแอร์ไลน์ยกเลิกบิน หรือเปลี่ยนเวลาบิน บริษัทฯ ขออนุญาตไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ เนื่องจากอยู่เหนือความควบคุมของบริษัทฯ และก่อนออกตั๋วเครื่องบินต้องได้รับคำยืนยันจากบริษัทว่ากรุ๊ปยืนยันเดินทางแล้วแน่นอนแล้ว บริษัทฯแนะนำ ควรออกตั๋วภายในประเทศให้ช้าที่สุด

*การบริการยกกระเป๋า ที่สนามบิน โรงแรม เรือ หรือรถบัส ..เป็นการบริการที่บริษัทฯ ยินดีให้บริการลูกค้าและไม่ได้บวกรวมค่ากระเป๋าเสียหาย ลงในค่าทัวร์ ดังนั้นไม่ว่าจะด้วยเหตุใดๆ ก็ตามกรณีค่ากระเป๋าเสื่อมสภาพ แตกหัก หูหิ้วหลุด จากการยกขึ้นสายพาน หรือยกเข้าโรงแรมหรือเข้าเรือ หรือยกลงจากรถบัส หรือ เป็นรอยขีดข่วน ดังนั้น กรณีที่ท่านยอมรับความเสียหายได้ กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่หน้างานเพื่อยกให้ท่าน บริษัทฯ ยินดีให้บริการแต่กรณีที่ท่านจะยกเอง รบกวนแจ้งเจ้าหน้าที่หน้างานก่อนการซื้อขายทัวร์... เพื่อจะได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ท่านยกกระเป๋าท่านเองทุกๆสถานที่ ทั้งนี้บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบความเสียหายใดๆได้

*กรณีที่ท่านแพ้อาหาร แพ้ส่วนผสมต่างๆ เช่นพริกไทย ผงชูรส แพ้ถั่ว แพ้แป้งสาลี หรือต้องการอาหารพิเศษ และจำเป็นต้องทานซีฟู้ดทุกมื้อที่มีกุ้ง หอย ปู หรือปลา หรือทานเนื้อไก่ไม่ได้ หรือทานเนื้อวัว เนื้อแพะไม่ได้ ทั้งนี้บริษัทฯจะพยายามจัดหาและแจ้งร้านอาหารก่อนการเดินทางทุกครั้ง กรณีที่บริษัทฯ ไม่สามารถจัดหาได้ หรือถ้าจัดแล้วอาจจะต้องเป็นเมนูซ้ำๆ บริษัทฯ ขออนุญาตจัดเป็นสลัดผักท้องถิ่น ไข่ต้มหรือไข่เจียว หรืออาหารท้องถิ่นแบบไม่มีเนื้อสัตว์แทน

*กรณีลูกค้าที่เดินทางไปร่วมกับคณะในต่างประเทศหรือลูกค้าที่ไม่ได้เดินทางไป-กลับพร้อมคณะ เช่นเดินทางไปก่อน หรือยู่ต่อ ไม่กลับพร้อมคณะ ขอให้ลูกค้าทำประกันการเดินทางของท่านเอง เนื่องจากบริษัทฯ ทำประกันการเดินทางแบบหมู่คณะที่เดินทางไปกลับพร้อมคณะเท่านั้นและประกันเฉพาะอุบัติเหตุเท่านั้นไม่รวมสุขภาพ,ไม่รวมโควิด,ไม่รวมโรคประจำตัว,ไม่รวมภัยสงครามหรือภัยจากก่อการร้าย

*ที่นั่งบนรถบัส บริษัทฯขอความร่วมมือให้ลูกค้านั่งด้านหน้ารถบัสให้ครบทุกเบาะก่อน เพื่อให้ทุกท่านได้นั่งเบาะปกติก่อน และขอสงวนสิทธิ์แถวหน้าสุดสำหรับไกด์ และหัวหน้าทัวร์ เพื่อเป็นพื้นที่ประสานงาน ดังนั้นขอเก้าอี้แถวด้านหน้า ขอเป็นที่นั่งสำหรับที่นั่ง 1 ท่าน/เบาะที่นั่ง เนื่องจากเส้นทางระยะไกล เบาะที่นั่งแถวหลังอาจเกิดการเมารถและไม่สบายกับผู้ที่นั่งหลังๆได้

*บริษัทฯ ไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ โรงแรมที่พัก ก่อนเดินทาง และหลังจบทริป ทุกกรณี เนื่องจากอยู่นอกเหนือจากโปรแกรมทัวร์ และเกิดจากเหตุผลที่อยู่เหนือการควบคุมของบริษัทฯ เช่น สายการบินล่าช้า สายการบินยกเลิก สายการบินเปลี่ยนเวลาบิน เหตุสุดวิสัยภัยทางธรรมชาติ เหตุสงคราม การจราจล เป็นต้น

เอกสารสำหรับยื่นวีซ่า

เอกสารในการทำวีซ่าอินเดียออนไลน์
1. หนังสือเดินทางที่ยังมีอายุใช้ได้จนถึงวันเดินทางไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
2. หนังสือเดินทางต้องมีหน้าว่าง สำหรับประทับตราเข้าออกอย่างน้อย 2 หน้าเต็ม
3. รูปถ่ายหน้าตรงรูปสี (ที่ไม่ใช่รูปถ่ายเล่นพื้นหลังสีขาวเท่านั้น) ขนาด 2 นิ้ว * 2 นิ้ว เท่านั้น 2 ใบ
4. สำเนาบัตรประชาชน
5. สำเนาทะเบียนบ้าน (พร้อมเขียนที่อยู่เป็นภาษาอังกฤษ)
6. เขียนชื่อ/ที่อยู่/เบอร์โทรศัพท์ของบริษัทฯที่ทำงานเป็นภาษาอังกฤษ

*************

ทัวร์แนะนำ : ทัวร์เอเชีย ทัวร์อินเดีย ทัวร์ขชุราโห



^
TOP